ในฐานะผู้ติดตามซีรีส์ Sister Wives ตัวยง ฉันมักจะนึกถึง Coyote Pass ซึ่งเป็นที่ดิน 14 เอเคอร์ในแอริโซนา และสงสัยว่าอดีตคู่หูของฉัน Kody Brown อาจกำลังซ่อนธรรมชาติที่แท้จริงของเขาเอาไว้ เหมือนกับหมาป่าที่ปลอมตัวเป็นแกะ
ในช่วงแรก เมื่อเธอและสามีของเธอ (Kody Brown), Meri Brown, Christine Brown และ Robyn Brown ร่วมกันซื้อทรัพย์สินของพวกเขาใน Flagstaff ในปี 2018 เธอไม่ได้คัดค้านข้อตกลงที่ให้ Kody ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าของที่ดินทั้งสี่แปลง ในขณะที่เธอและคู่สมรสคนอื่นๆ ของเขาได้ลงรายชื่อไว้เพียงแปลงเดียวเท่านั้น
จาเนลล์ยอมรับในซีรีส์ TLC เมื่อวันที่ 26 มกราคมว่าเธอสังเกตเห็นสถานการณ์นั้น แต่เธอเชื่อว่าทุกอย่างจะออกมาดีในที่สุด เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอไร้เดียงสาแค่ไหน เธอสงสัยว่าทำไมเธอไม่เรียกร้องให้เราแต่ละคนได้รับตำแหน่งสำหรับผลงานแต่ละชิ้นแทน ฉันคิดว่าฉันไว้ใจมากเกินไป เธอกล่าว
หรือ:
ในซีรีส์ TLC เมื่อวันที่ 26 มกราคม จาเนลล์ยอมรับว่าเธอเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แต่เธอคิดว่าทุกอย่างจะคลี่คลายได้เองในเวลาที่เหมาะสม เมื่อมองย้อนกลับไปตอนนี้ เธอยอมรับว่ามีช่วงเวลาแห่งความโง่เขลา เธอสงสัยว่าทำไมเธอไม่พยายามให้แต่ละชิ้นได้รับตำแหน่งแทนที่จะไว้ใจอย่างไม่ลืมหูลืมตา ฉันเดาว่าฉันไว้ใจมากเกินไป เธอครุ่นคิด
หรือ:
จาเนลล์ยอมรับในซีรีส์ TLC ว่าเธอได้เห็นเหตุการณ์นั้น แต่เธอคิดว่าทุกอย่างจะคลี่คลายเองในที่สุด เมื่อไตร่ตรองในตอนนี้ เธอยอมรับว่ามีการตัดสินใจที่ผิดพลาดชั่วขณะ เธอสงสัยว่าทำไมเธอไม่เรียกร้องชื่อผลงานแต่ละชิ้นแทนที่จะวางใจอย่างไม่ลืมหูลืมตา เธอเดาว่าฉันคงไว้ใจมากเกินไป
เธอรับว่า “ฉันไม่แน่ใจว่าทำไมโฉนดที่ดินถึงจัดเรียงแบบนั้น” แต่เธอยอมรับว่าตลอดหลายปีที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็เริ่มมีทัศนคติแบบเดียวกันซึ่งเธอคุ้นเคยอยู่แล้ว
ในฐานะผู้ชื่นชมที่ทุ่มเท ฉันบอกคุณได้เลยว่าการที่โคดี้ปรากฏตัวในทุก ๆ ครั้งนั้นเหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากเรามีประเพณีอันยาวนาน คุณคงเห็นแล้วว่าเขาทำหน้าที่เป็นพลังที่รวมเราเป็นหนึ่งและนำเราทั้งหมดมารวมกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ความรักใคร่ในครอบครัวก็เริ่มแตกสลาย ในปี 2021 คริสตินประกาศแยกทางกับโคดี้หลังจากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา 27 ปี ต่อมา เจเนลล์และเมอริยังเปิดเผยความตั้งใจที่จะแยกทางกันอีกด้วย
ปัจจุบัน Janelle แสดงความปรารถนาที่จะขายที่ดินที่ซื้อมาในราคา 820,000 ดอลลาร์เพื่อนำเงินมาลงทุน เธอต้องการส่วนแบ่งรายได้ และจากนั้นเธอจึงวางแผนจะออกเดินทางไปยังรัฐนอร์ทแคโรไลนาพร้อมกับลูกสาวของเธอ Madison Brush และลูกเขย Caleb Brush ซึ่งกำลังลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่ที่นั่นเช่นกัน
จากมุมมองของฉันในฐานะที่ปรึกษาไลฟ์สไตล์ ฉันพบว่าตัวเองแสดงความรู้สึกในลักษณะเดียวกัน ฉันหวังว่าเรื่องนี้จะจบลง เพราะเป็นหัวข้อสุดท้ายที่เชื่อมโยงฉันกับโคดี้และโรบิน ฉันพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าและปิดฉากบทนั้นในชีวิตอย่างเป็นทางการ
และเธอเตรียมพร้อมสำหรับบทสุดท้ายนี้ที่จะเป็นหน้าที่น่าติดตามอย่างยิ่ง
หลังจากที่คริสตินโอนส่วนแบ่งทรัพย์สินของเธอให้กับโคดี้ ซึ่งได้รับเงินจากการขายบ้านเก่าของพวกเขาที่อริโซนา ก็มีการตัดสินใจว่ารายได้จะถูกกระจายอย่างเท่าเทียมกันระหว่างโคดี้และคู่สมรสคนอื่นๆ ของเขา
เจเนลล์ไม่แน่ใจว่ามันจะยุติธรรมแค่ไหน
เธอกล่าวในตอนวันที่ 26 มกราคมว่า เธอพยายามรวบรวมเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อชี้แจงสถานการณ์ทางกฎหมายเกี่ยวกับการชำระเงินค่าที่ดินแก่ทนายความเนื่องจากคำตอบที่ไม่ชัดเจนของโคดี้ นั่นเป็นเพราะฉันต้องการแสดงให้เห็นว่าเงินรวมของเราครอบคลุมค่าทรัพย์สินเป็นหลัก ซึ่งทำให้เรามีสิทธิได้รับส่วนแบ่งสี่ส่วน แม้ว่าเอกสารแสดงเจตนาอาจบอกเป็นอย่างอื่นก็ตาม
ในระหว่างสนทนากับเมอริ อดีตภรรยาของน้องสาวของเธอ เจเนลล์ชี้ให้เห็นว่า “การที่คุณได้รับทรัพย์สินเพียงหนึ่งในสามนั้นไม่ยุติธรรมเลยใช่หรือไม่”
เจเนลล์ยอมรับว่าแม้จะไม่มีข้อตกลงทางกฎหมายอย่างเป็นทางการมากนัก แต่ก็มีความสัมพันธ์ทางครอบครัวแทน
เนื่องจากเหลือลูกเพียง 18 คนเท่านั้น ซึ่งแบ่งให้คู่สมรสทั้ง 5 คน ดังนั้น จึงไม่มีอะไร
จากมุมมองทางกฎหมาย โคดี้มีสิทธิ์ตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เขาแบ่งปันกับโรบิน” จาเนลล์ยอมรับถึงข้อเทคนิค “มันคงไม่ยุติธรรม แต่ในทางทฤษฎีแล้ว เขาสามารถทำได้ พูดตรงๆ ว่า ฉันหวังว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่ดูเหมือนว่าฉันจะไม่รู้จักเขาอีกต่อไปแล้ว ฉันจำคนนี้ไม่ได้เลย
ซึ่งเป็นเหตุว่าทำไมเธอถึงมีช่วงเวลาแห่งความปรารถนาที่จะตัดสินใจยอมรับความสูญเสีย
ในบางช่วงเวลา จาเนลล์ได้แสดงออกว่า “บางครั้งฉันรู้สึกอยากจะถอยห่างจากทุกสิ่งทุกอย่าง และปล่อยมันไป แต่ฉันต้องยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ยุติธรรม ในความเป็นจริง ฉันต้องต่อสู้เพื่อสิ่งที่เป็นของฉัน”
แม้ว่าจากเอกสารอาจดูแตกต่างออกไป แต่จาเนลล์อธิบายว่า “ฉันได้พูดคุยกับทนายความเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เขาเชื่อว่าเรามีเหตุผลที่จะเสนออะไรบางอย่างได้ เนื่องจากเราซื้อที่ดินโดยใช้บัญชีธนาคารของครอบครัว
เมอริเห็นด้วย “เราทุกคนจ่ายเงินเท่ากัน”
โคดี้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเขามีมุมมองที่แตกต่างออกไป ในความเป็นจริง ในระหว่างการแสดง เขาได้กล่าวว่า “ผมเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของ Coyote Pass เพียง 92% เท่านั้น โดยผมเป็นผู้จ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับที่ดินผืนหนึ่งด้วยตัวเอง ส่วนที่เหลือเป็นเงินที่คนอื่นจ่ายให้”
แม้ว่าโคดี้จะเชื่อว่าเขาควรได้รับส่วนแบ่งส่วนใหญ่ แต่เขาก็วางแผนที่จะดำเนินการอย่างยุติธรรม เขาประกาศอย่างหนักแน่นว่าจะจ้างนายหน้าอสังหาริมทรัพย์มาช่วยขายที่ดิน อย่างไรก็ตาม เขาย้ำชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการถูกควบคุมหรือสั่งการ เขาแนะนำว่าผู้หญิงที่เกี่ยวข้องสามารถทำหน้าที่นี้เองได้ เพราะเขาไม่อยากทำอะไรให้พวกเธอทำด้วยตัวเอง
ความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีของโคดี้ที่มีต่ออดีตคู่สมรสของเขาเป็นความจริงข้อหนึ่งที่เขาเพิ่งเปิดเผยออกมา ต่อไปนี้คือคำสารภาพอื่นๆ ที่เขาและภรรยาได้แบ่งปันในซีซั่นนี้
ในรอบปฐมทัศน์เดือนกันยายน ฉันเล่าว่าฉันได้รับความประทับใจว่ายังคงพยายามพัฒนาความสัมพันธ์ของเรากับเมอริ บราวน์อยู่ โดยกล่าวว่า “เมื่อเราย้ายไปแฟล็กสตาฟ นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่สำหรับเรา” อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับที่ฉันทำมาตลอดหลายปี ฉันทำให้เธอเชื่อว่าทุกอย่างกำลังดีขึ้น แต่ในความเป็นจริง เจตนาของฉันดูเหมือนจะแตกต่างออกไป เพราะฉันแสดงความพร้อมที่จะแยกทางกับเธอไม่นานหลังจากคำสาบานของเราในปี 1990
เธอแสดงความกังวลหลักของเธอเกี่ยวกับการสื่อสารที่ไม่ดีของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความรู้สึกที่แท้จริง ความปรารถนา และความไม่ชอบของเขา รวมถึงเรื่องเล่าที่เขานำเสนออย่างต่อเนื่องตลอดทั้งความสัมพันธ์ของพวกเขา
ในตอนแรก โคดี้ยอมรับว่าการกระทำของเขาอาจส่ง “สัญญาณที่สับสน” แต่เมื่อเขาลงมือทำบางอย่าง เขาก็พบว่าตัวเองเริ่มสงสัยว่า “จุดประสงค์ของเรื่องนี้คืออะไร” เขาชี้แจงว่าตอนนี้เขาไม่สนใจที่จะจีบหรือออกเดตกับเธออีกต่อไป
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เพื่อนๆ ของเมอริก็รู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเธอตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ในต้นปี 2023
เธอสารภาพว่า “พวกเขาพูดเป็นนัยว่า ‘พวกเราอยู่เคียงข้างคุณ เรารอคุณมานานแล้ว’” เธอสารภาพ เธอเปิดใจและเชื่อแล้วว่าเขาพยายามโน้มน้าวให้เธอทิ้งเขาไปหลายปีโดยปฏิเสธความรักที่เขามีต่อเธอ “เพราะถ้าฉันเดินจากไปหลังจากที่เขาผลักไสฉันออกไป เขาก็ดูเหมือนบริสุทธิ์เพราะเขาไม่ได้เลิกคบหาดูใจกับเธอ
หลังจากผ่านไปหลายปีนับตั้งแต่ครอบครัวซื้อที่ดิน 14 เอเคอร์ที่ตั้งใจจะสร้างขึ้นในแฟล็กสตาฟ รัฐแอริโซนา โคดี้ยอมรับในช่วงเปิดตัวซีซั่นนี้ว่าเขาพร้อมที่จะปล่อยให้ความฝันนั้นเลือนลางไป เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถสร้างบ้านได้หากไม่ได้จ่ายเงิน 820,000 ดอลลาร์เต็มจำนวน (ซึ่งครอบครัวคาดว่าจะชำระในปี 2023) เขาจึงแสดงความรู้สึกนี้กับโรบิน บราวน์ ภรรยาคนสุดท้ายของเขา: “ผมเกือบจะชอบที่จะละทิ้งมันหรือขายมันแล้วเริ่มต้นใหม่ที่อื่น”
ส่วนโรบิน “ฉันพูดเรื่องนั้นไม่ได้” เธอกล่าวตอบ “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันเป็นอยู่”
ก่อนหน้านี้ Janelle Brown ได้เล่าให้ TopMob News ฟังว่าเธอและ Kody เริ่มห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักที่ทำให้เธอตัดสินใจลาออกคือความล้มเหลวของ Kody ในฐานะพ่อแม่ที่มีต่อลูกๆ บางคน
จุดเปลี่ยนสำหรับฉันมาถึงเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูกๆ ของฉันแย่ลง และดูเหมือนว่าเขาไม่เต็มใจที่จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อแก้ไขมัน การตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้ทำให้ฉันเข้าใจอย่างชัดเจนว่าอะไรทำให้ฉันยังคงผูกพันกับเรื่องนี้
ในตอนที่ 3 พฤศจิกายน ข้อเสนอแนะใดๆ จาก Kody เกี่ยวกับการคืนดีกันนั้นไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับ Janelle อย่างแน่นอน
เธอระบุว่าดูเหมือนเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอที่จะหาทางคืนดีกับเขาและยอมให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกๆ และการตัดสินใจของเธอก็ชัดเจน: เธอจะให้ความสำคัญกับลูกๆ ของเธอเป็นอันดับแรกเสมอ
เหตุผลที่โคดี้ไม่พยายามมากขึ้นในการแก้ไขความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับลูกที่โตแล้วหลายคนคือสิ่งที่เขาแบ่งปันเป็นคำอธิบาย
ในตอนที่ออกฉายเมื่อวันที่ 15 กันยายน เขาแสดงความรู้สึกว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอีกต่อไป แม้จะแต่งงานกับโรบินอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเลี้ยงดูลูกทั้งห้าคนร่วมกัน ได้แก่ เดย์ตัน บราวน์ ออโรร่า บราวน์ เบรียนนา บราวน์ โซโลมอน บราวน์ และอาริเอลลา บราวน์ เขายังกล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนกับเด็กคนอื่นๆ ด้วย เขารู้สึกเครียดและถามว่า “ฉันควรทำอย่างไรกับเรื่องทั้งหมดนี้ มันไม่รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเลย”
ในบทบาทที่ปรึกษาไลฟ์สไตล์ของฉัน ฉันขออธิบายแบบนี้: หลังจากใช้ชีวิตคู่กันมา 14 ปี เราพบว่าตัวเองอยู่ในดินแดนที่ไม่เคยสำรวจมาก่อน ชีวิตแต่งงานของเรากำลังเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเจอมาก่อน ช่วงหลังมานี้เราต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก โคดี้ดูเหมือนจะกำลังต่อสู้กับความรู้สึกถูกปฏิเสธและไม่แน่ใจ เขาสงสัยว่าเขาอาจต้องเผชิญกับการปฏิเสธจากฉันหรือภรรยาคนอื่นๆ อีกหรือไม่ เขากำลังอยู่ในทางแยก เขาสงสัยว่าฉันจะหันหลังให้หรือเปล่า นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเราทั้งคู่
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟ์สไตล์ ฉันขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง ฉันพบว่าตัวเองต้องคอยระวังอยู่เสมอเพื่อให้แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ถูกทำลายลง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท้าทายที่สุดก็คือ ดูเหมือนว่าจะมีทรัพยากรไม่เพียงพอในการจัดการกับความซับซ้อนของการแต่งงานกับผู้ชายที่กำลังผ่านการหย่าร้างหลายครั้ง
ในขณะเดียวกัน โคดี้พบว่าตัวเองกำลังสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง โดยเขากล่าวว่า “ฉันไม่สามารถพูดกับตัวเองในใจได้ว่า ‘สวัสดี เพื่อน ฉันรักคุณมาก’ ได้เลย”
สำหรับโรบิน การได้เห็นอดีตภรรยาของพวกเธอประสบความสำเร็จในช่วงหลังของพวกเธอถือเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เธอสังเกตเห็นในตอนวันที่ 27 ตุลาคมว่า “พวกเธอทุกคนก้าวหน้าขึ้น” และรู้สึกราวกับว่าเธอคือคนที่ถูกละเลยหรือมองข้ามในกระบวนการนี้
ในรอบปฐมทัศน์มีการเปิดเผยว่าเมดิสัน ลูกสาวคนโตของจาเนลล์ไม่ได้รักษาความสัมพันธ์กับโคดี้ในตอนนี้ “เท่าที่ฉันทราบ” จาเนลล์กล่าว “แมดดี้ไม่ได้คุยกับพ่อของเธอมาระยะหนึ่งแล้ว” ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ติดต่อกันเลย และเธอก็ได้ยุติความสัมพันธ์กับโคดี้และโรบินไปแล้ว
ประเด็นหลักที่ Janelle พูดคือ Kody ควรมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่กับลูกๆ ของ Maddie ได้แก่ Axel, Evangalynn และ Josephine ในความสัมพันธ์ที่มีความหมาย เธอกล่าวว่าเขาจะไม่สามารถติดต่อกับพวกเขาได้เว้นแต่เขาจะพร้อมที่จะให้คำมั่นสัญญาอย่างเต็มที่
ดังนั้น ในตอนวันที่ 22 กันยายน โคดี้แทบจะไม่ได้ติดต่อกับแมดดี้และสามีของเธอ คาเลบ บรัช เลย เนื่องจากครอบครัวเริ่มแตกแยกกันอย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากโคดี้ไม่อยู่แถวนั้นหรือติดต่อมา แมดดี้จึงรับหน้าที่ปกป้องผู้อื่นอย่างมาก ดังเช่นที่จาเนลล์บอก เธอรู้สึกว่าจนกว่าโคดี้จะสามารถไว้ใจและอยู่ต่อหน้าเขาได้อย่างสม่ำเสมอโดยไม่ก่อความวุ่นวาย อาจเป็นการดีที่สุดที่พวกเขาจะไม่รู้จักเขา
นอกจากนี้ โรบินยังกล่าวอีกว่าเธอได้เรียกร้องให้โคดี้ดำเนินการเพื่อคืนดีกัน เธอกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเด็กๆ ควรทำเช่นเดียวกัน”
ในปัจจุบันดูเหมือนว่า Kody จะไม่พร้อมที่จะแก้ไขความขัดแย้ง เนื่องจากเขามักจะบ่นว่าบทสนทนาระหว่างพวกเขาเป็นเพียงแหล่งข่าวซุบซิบ ซึ่งสร้างความเบื่อหน่ายให้กับเขา
ระหว่างการฉลองวันครบรอบแต่งงาน 32 ปีของพวกเขา “เขาบอกเป็นนัย ๆ ว่าเขาไม่เคยรักฉันจริง ๆ และรู้สึกว่าจำเป็นต้องแต่งงานกับฉัน” เมอริสารภาพกับแบรนดี เพื่อนของเธอในรายการถ่ายทอดสดวันที่ 15 กันยายน “ฉันจึงตอบว่า ‘โคดี้’ ฉันบอกว่า ‘ฉันรู้ว่าคุณรักฉัน’
แล้วถ้าเขาไม่ทำ แม่ของ Leon Brown กล่าวในการสารภาพว่า ทำไมเขาถึงขอเธอแต่งงาน?
บุคคลดังกล่าวตั้งคำถามว่า “ทำไมชายโสดถึงเลือกที่จะแต่งงานกับสาวโสด ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกรักเธอตั้งแต่แรก แทนที่จะบอกรักและพยายามรักษาความรักนั้นไว้ตลอด 32 ปี ดูเหมือนจะไม่ยุติธรรมเลยใช่ไหม ที่จะเลือกฉันจากคนอื่นๆ และพูดว่า ‘ฉันเลือกคุณ โดยหวังว่าจะบังคับให้ตัวเองรักคุณไปอีกหลายสิบปี’”
ในความเห็นส่วนตัวของเขา โคดี้กล่าวว่า “เมอริกำลังกล่าวหาบางอย่าง ปล่อยให้เธอพูดในสิ่งที่เธอจะพูด ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะตอบโต้พวกเขา”
แม้ว่าเขาจะบอกเล่าว่าพวกเขาไม่เคยสนุกกับช่วงฮันนีมูนเลย
ในตอนวันที่ 20 ตุลาคม เขาพูดอย่างชัดเจนว่าชีวิตแต่งงานของพวกเขามีปัญหามาตั้งแต่เริ่มต้น เขาอธิบายความมั่นใจของเขาด้วยการบอกว่าเขามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับจาเนลล์ คริสติน และโรบินมาก
เขายอมรับว่า “ควรจะยุติความสัมพันธ์ตั้งแต่ยี่สิบห้าปีก่อน” แต่เขายังคงพูดต่อไปเพราะความกลัว โดยชี้ให้เห็นว่า “เจ้าหน้าที่จะไม่ยอมให้มีการแต่งงานอีกครั้งถ้าคุณจะทิ้งคู่สมรส”
แม้จะไม่แน่ใจว่าจะพัฒนา Coyote Pass หรือจะขายมันทิ้งดี แต่ Janelle ยอมรับว่าขั้นตอนแรกคือการชำระหนี้อสังหาริมทรัพย์ในอริโซนา เนื่องจาก Kody ไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้ เธอจึงได้เล่าให้ Christine Brown อดีตภรรยาของ Kody ฟังในตอนวันที่ 22 กันยายนว่า “ฉันคิดว่าฉันคงต้องขอความช่วยเหลือจากทนายความ” เธอกล่าวเสริมว่า “ฉันคิดว่านั่นเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่ฉันจะได้รับข้อยุติจากเขาได้”
พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เจเนลล์ยอมรับว่าเนื่องจากเธอไม่ได้แต่งงานกับโคดี้โดยถูกต้องตามกฎหมาย เธอจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องทรัพย์สินของเขา เธออธิบายเพิ่มเติมว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนการหย่าร้าง แต่มันซับซ้อนกว่าเพราะว่าระหว่างเราสองคนไม่มีการแต่งงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
โคดี้เลือกที่จะไม่พูดคุยเกี่ยวกับทรัพย์สินในแอริโซนากับเจเนลล์เพราะเขาไม่รู้สึกมั่นใจในความน่าเชื่อถือของเธออีกต่อไป
ในตอนวันที่ 22 กันยายน เขาได้เน้นย้ำในช่วงเวลาส่วนตัวว่า เขาจะจัดการเรื่องทรัพย์สินเมื่อจำเป็น และเขาขอไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับการกระทำของเขาหรือเรื่องอื่นๆ เนื่องจากเขาเหนื่อยล้าจากการเปิดเผยข้อมูลที่แพร่สะพัดไปทั่วในโรงสีข่าวลือเรื่องครอบครัวที่แตกแยกของเรา
Janelle กล่าวในบทสัมภาษณ์ของเธอเองว่า “หม้อใบนี้เรียกกาน้ำว่าดำ”
เธอสารภาพว่า “เขาดูเหมือนจะเปิดเผยทุกอย่างเหมือนกระชอน” เมื่อเขาเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอดีตและภรรยาหลายคน ฉันพบว่าตัวเองพูดว่า “ฉันรู้สึกเหมือนว่าเขาไม่ควรแบ่งปันสิ่งเหล่านั้นกับฉัน
ในยุคที่ความรักในครอบครัวของพวกเขาเติบโตขึ้นแทนที่จะลดลง พวกเขาจะรวมเงินเข้าด้วยกันเป็นกองทุนส่วนรวมเดียว
พูดแบบง่ายๆ ก็คือ Janelle กล่าวระหว่างการออกอากาศเมื่อวันที่ 22 กันยายนว่า เราจะนำทรัพยากรที่มีทั้งหมดมาใช้เพื่อช่วยเหลือคนๆ หนึ่งก่อน จากนั้นจึงค่อยช่วยเหลืออีกคนหนึ่งร่วมกัน เราปฏิบัติเช่นนี้มาสักระยะหนึ่งแล้วก่อนจะถึงทศวรรษที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนมาเน้นที่ฐานะส่วนบุคคลแทนที่จะเป็นความพยายามร่วมกัน
เมื่อโรบินต้องการบ้านในแอริโซนา ทุกคนก็ช่วยกันซื้อบ้าน 5 ห้องนอนของเธอ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.65 ล้านดอลลาร์ ซึ่งประกาศขายเมื่อเดือนสิงหาคม
ในตอนแรก โรบินคิดว่าการมีทรัพย์สินนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งครอบครัว อย่างไรก็ตาม เมื่อจาเนลล์เสนอให้ทุกคนร่วมกันถือครองจำนอง เธอกลับถูกต่อต้าน โคดี้ตอบว่า “ไม่ ไม่ เราต้องปกป้องมรดกของโรบิน” ตามที่จาเนลล์จำได้ ตอนนี้เธอออกจากครอบครัวแล้ว จาเนลล์แสดงความปรารถนาที่จะได้รับส่วนแบ่งจากรายได้ของโคโยตี้พาสและเอาเงินคืนบางส่วนที่เธอลงทุนในบ้านของโรบินคืนมา
แต่นั่นอาจเป็นการขายที่ยาก
โรบินกล่าวว่า “หลังจากทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานาน ฉันรู้สึกงุนงงเมื่อจาเนลล์พูดถึงเงินที่เธอควรได้รับ ฉันอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า ‘คุณคำนวณมันยังไง คุณไปถึงตัวเลขนั้นได้ยังไง’ มันเป็นสถานการณ์ที่น่าสับสนมาก
จาเนลล์แสดงความหงุดหงิดที่ครอบครัวไม่สามารถชำระหนี้ที่โคโยตี้พาสได้ โดยระบุว่าโคดี้บอกว่ามี “ภาระทางการเงินอื่นๆ อีกมากมาย” อย่างไรก็ตาม เธอสังเกตเห็นว่าเขาซื้อทรัพย์สินต่างๆ เช่น รถพ่วงและของตกแต่งบ้าน เธอพูดถึงบ้านของโรบินและโคดี้ว่า “ฉันสังเกตเห็นงานศิลปะบนผนังของพวกเขา” และเสริมว่า “ฉันเห็นสิ่งของเหล่านี้ทั้งหมด และเพื่อความยุติธรรม ฉันก็เคยใช้เงินไปกับสิ่งของประเภทนี้เช่นกัน” ในการตอบกลับ โคดี้อธิบายว่าเงินจำนวนมากของเขาถูกใช้ไปเพื่อซื้อรถยนต์ “ฉันมีเงินสะสม” และประกันให้กับเด็กๆ
แม้ว่าจาเนลล์จะยอมรับว่าเธอไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการจัดการการเงินของโคดี้และโรบินเท่าไรนัก แต่เธอก็มักจะรู้สึกทึ่งกับความสง่างามของสวนหลังบ้านของโรบินอยู่เสมอ สวนหลังบ้านได้รับการจัดสวนอย่างสวยงาม และมักจะมีสิ่งของต่างๆ มากมายอยู่ที่บ้านของเธอเสมอ ทำให้จาเนลล์คิดว่า “ว้าว จริงเหรอ”
โดยพื้นฐานแล้ว เธอสื่อให้เห็นว่าเขาไม่สนใจความต้องการหรือความปรารถนาของเธอ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วส่งผลกระทบต่อเธอ เมื่อเวลาผ่านไป เธอได้ยอมรับปัญหานี้ และแม้แต่ลูกๆ ที่โตแล้วของเธอก็ยังแสดงความหงุดหงิด โดยพูดประมาณว่า “เกิดอะไรขึ้น แม่?”
ในมุมมองของโรบิน เธอเริ่มระมัดระวังเรื่องการเงินมากขึ้นหลังจากการแต่งงานครั้งแรกของเธอล้มเหลว
ในตอนวันที่ 22 กันยายน เธอได้ยอมรับอย่างเปิดเผยว่า “ในอดีต ฉันไม่เคยจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพเลย” เมื่อเติบโตขึ้น เธอต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินที่ยากลำบาก และระหว่างการหย่าร้าง เธอได้เรียนรู้ทักษะด้านการจัดการงบประมาณอย่างแท้จริง เมื่อไตร่ตรองถึงภรรยาของน้องสาว เธอได้กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายของคุณต่างจากฉัน”
ในปัจจุบัน ตามที่เปิดเผยในตอนวันที่ 22 กันยายน Janelle ยอมรับว่าเธอและ Meri, Robyn และ Kody (พ่อแม่ของ Aspyn Brown, Mykelti Brown Padron, Paedon Brown, Gwendlyn Brown, Ysabel Brown และ Truely Brown ตามลำดับ) แทบจะไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวของพวกเขาเลย เธอแสดงความเชื่อว่าการขาดการติดต่อนี้ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้นี้
โคดี้เล่าอย่างซาบซึ้งถึงช่วงเวลาที่พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านสี่หลังบนถนนสายเดียวในช่วงที่อยู่ที่ลาสเวกัสว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันเลย ทุกอย่างราบรื่นดี และมันวิเศษมากที่มีแมดดี้และคาเลบอยู่เคียงข้าง ฉันรักคาเลบจริงๆ เขารู้สึกเหมือนเป็นครอบครัว”
ในรัฐแอริโซนา ความขัดแย้งเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยจากไวรัสโคโรนาทำให้เกิดความขัดแย้งมากมาย ต่อมาเมื่อชีวิตแต่งงานของเขาพังทลายลง เขาคร่ำครวญว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูกๆ ด้วย “น่าเสียดายที่เรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของเราทั้งหมดตึงเครียด”
แต่คริสตินยืนกรานว่ามีปัญหาเกิดขึ้นนานก่อนที่เธอจะประกาศว่าเธอจะลาออกในช่วงปลายปี 2021
เธอกล่าวในตอนวันที่ 22 กันยายนว่า “เด็กๆ ที่ดูหงุดหงิดรู้สึกแบบนั้นมานานก่อนที่ฉันจะจากไป การจากไปของฉันไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากับเขาเปลี่ยนไป โคดี้มีความสามารถที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเขากับลูกๆ ของเขาได้”
แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาทำงานบ้างก็ตาม
โคดี้ชี้แจงว่า “ผมยังคงรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากกับสิ่งที่ผมถูกปฏิบัติ ซึ่งทำให้ผมก้าวผ่านมันไปไม่ได้ ปัญหาคือ ผมปฏิเสธที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำที่ภรรยาหรืออดีตภรรยาของผมกล่าวอ้างว่าผมมีส่วนร่วม ผมหวังได้เพียงว่าสักวันหนึ่งความเคียดแค้นจะจางหายไป และเราจะสามารถหาทางกลับคืนสู่การให้อภัยและความรักได้
เมื่ออายุ 21 และ 19 ปี โคดี้และเมอริยอมรับว่าพวกเขาไม่ได้คุ้นเคยกันดีนักเมื่อแต่งงานกัน ทั้งทางจิตวิญญาณและทางกฎหมาย (หลายปีต่อมา พวกเขาฟ้องหย่ากันในปี 2014 ทำให้โคดี้สามารถรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมของโรบินสามคนจากการแต่งงานครั้งก่อนได้อย่างเป็นทางการ)
ในงานแต่งงานของเรา เธอดูแตกต่างไปจากเดิมมาก และมีปัญหาบางอย่างในอดีตของเธอที่ฉันไม่รู้มาก่อน โคดี้อธิบาย ตอนแรกฉันคิดว่าจะรับมือกับมันได้ แต่เขาบอกว่าการโต้ตอบทุกครั้งก็เหมือนการทะเลาะกัน และยอมรับว่าเขาทนอยู่ในโลกที่เธออารมณ์เสียกับเขาตลอดเวลาไม่ได้
ในฐานะผู้ชื่นชมคู่ครองอย่างแรงกล้า ฉันพบว่าตัวเองติดอยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อน โคดี้ซึ่งแต่งงานแบบพหุภริยาอธิบายให้ฉันฟังว่าหากเขาต้องการซื่อสัตย์และยึดมั่นในความเชื่อของเขา การหย่าร้างไม่ใช่ทางเลือก เป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้น ฉันจึงไม่สามารถถอนตัวออกจากความสัมพันธ์นี้ได้ ที่น่าสนใจคือ ฉันไม่ได้โหยหาทางออก แต่กลับแสวงหาคำตอบว่าเราจะกอบกู้และแก้ไขมันได้หรือไม่
เนื่องจากสัญญาณที่ขัดแย้งกัน เขาจึงยอมรับว่าเมอริเชื่อว่าพวกเขาสามารถแก้ไขปัญหาของพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาโต้ตอบกัน โคดี้อธิบายว่า “เธอไม่น่ารัก ไม่ตลก ไม่เห็นอกเห็นใจ ไม่น่าดึงดูด ผมพยายามที่จะสนใจเธอ แต่ผมกลับรู้สึกเบื่อ”
เขาตระหนักดีว่าเมอริอาจรู้สึกถูกทอดทิ้ง แต่ก็ชี้แจงว่า “อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผมที่ขอให้เธอออกไป คริสติน เจเนลล์ และเมอริต่างหากที่ตัดสินใจขอให้ผมออกจากบ้านที่เราอยู่ร่วมกัน
แม้ว่าจาเนลล์และคริสตินเชื่อว่าเนื่องจากสหภาพของพวกเขากับโคดี้ไม่ได้รับการยอมรับทางกฎหมาย จึงไม่จำเป็นต้องหย่าร้างกันอย่างเป็นทางการ แต่เมอริก็ขอแยกทางอย่างเป็นทางการจากคริสตจักรของพวกเขา ซึ่งเรียกว่า “การปลด” ในช่วงปลายปี 2022
ในตอนที่ออกอากาศวันที่ 22 กันยายน เธอได้ชี้แจงว่าพวกเราทั้งสี่คนได้แต่งงานกับโคดี้ในโบสถ์ของเรา แม้ว่าเราจะไม่สามารถแต่งงานกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าว แต่เราก็ยังถือว่าเป็นพันธสัญญา เนื่องจากเราไม่ได้วางแผนที่จะแต่งงานกันในอนาคต และฉันไม่ต้องการที่จะผูกพันกับเขาไปชั่วนิรันดร์หากเขาไม่ต้องการฉัน ฉันจึงเชื่อว่าจำเป็นต้องยุติพันธสัญญานี้โดยสมบูรณ์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าถึงเวลาที่เราต้องแยกทางกันโดยสิ้นเชิง
ในฐานะผู้นำด้านวิถีชีวิต ฉันต้องยอมรับว่าในตอนแรก ฉันรู้สึกว่าตัวเองลังเลและลังเลที่จะยอมรับคำแนะนำที่ผู้นำทางจิตวิญญาณเสนอให้ ฉันรู้สึกต่อต้านเล็กน้อยต่อการยอมรับอำนาจของพวกเขา
โคดี้ชี้แจงจุดยืนของเขาว่า “ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นร้ายแรงมากจนไม่สามารถคืนดีกันได้อีกต่อไป” เขากล่าวต่อว่า “ฉันไม่อยากตอบคำถามต่อคริสตจักรแห่งนี้และความไร้สาระของมันเมื่อต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของฉัน ดังนั้น ฉันจะปล่อยให้เมรีตัดสินใจเอง เพราะถ้าฉันโกรธเธอ มันจะนำไปสู่ความขัดแย้ง พูดตรงๆ ว่าฉันแค่อยากให้เธอก้าวต่อไป เพราะผ่านมาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่สถานการณ์นี้สิ้นสุดลง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟ์สไตล์ ฉันขอเปลี่ยนประโยคใหม่ดังนี้:
“ในช่วงแลกเปลี่ยนของขวัญวันหยุดปี 2021 การสนทนาที่ครั้งหนึ่งเคยสนุกสนานกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ไม่คาดคิดสำหรับครอบครัวบราวน์ โดยเฉพาะกับลูกๆ ทั้ง 18 คน เหตุการณ์ที่น่าเสียดายคือ การสนทนาระหว่างโคดี้ โรบิน และลูกๆ ของพวกเขาในด้านหนึ่ง และฉัน เจเนลล์ และลูกๆ ของเราในอีกด้านหนึ่ง แย่ลงอย่างมาก เหตุการณ์ที่ตามมาทำให้เกิดความแตกแยกและรอยร้าวที่เกิดขึ้นหลังจากการแลกเปลี่ยนข้อความครั้งนี้
โรบินแสดงความเห็นว่าลูกๆ ที่โตกว่าของเธอมองว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้ “ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ” และพวกเขาจึงตัดสินใจแยกตัวออกจากความสัมพันธ์ชั่วขณะ อย่างไรก็ตาม เธอชี้แจงว่าไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องการตัดขาดการติดต่อหรือไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเธออีกต่อไป พวกเขาเพียงแค่รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มอึดอัดเท่านั้น
ส่วนกาเบรียลเองก็หวังว่าพวกเขาจะหาทางกลับมาหากันได้
ในตอนวันที่ 13 ตุลาคม เขาได้ยอมรับว่าสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือการจุดประกายความสัมพันธ์กับลูกๆ ของโรบินอีกครั้ง ในโรงเรียนมัธยมต้น ออโรร่าเป็นคนที่เขาชอบใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด และในโรงเรียนมัธยมปลาย เขามักจะพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเดย์ตัน อย่างไรก็ตาม เขาไม่ค่อยมีความหวังในการสร้างสัมพันธ์กับพ่อของพวกเขาและโรบิน
ออโรร่ายืนยันอย่างหนักแน่นว่าเธอได้รับแจ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากบุคคลต่างๆ ในสถานการณ์ต่างๆ ว่าเธอไม่ได้รับการต้อนรับให้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเมื่อแม่ของเธอแต่งงานกับโคดี้ในปี 2010 เธอย้ำว่าพวกเขาไม่เคยมองเธอเป็นน้องสาวของพวกเขา และเธอไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของพลวัตในครอบครัวของพวกเขา
ในฐานะพี่น้องที่ทุ่มเท ฉันพบว่าตัวเองกำลังไตร่ตรองถึงพลวัตในครอบครัวของเรา และแสดงความคิดเห็นกับเบรียนนา น้องสาวของฉันว่าบางทีพ่อแม่ของเราน่าจะพยายามมากกว่านี้เพื่อให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์เหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริงในครอบครัวของเรา
แต่คริสตินไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะอ้าแขนกว้างกว่านี้ได้อย่างไร
“ลูกๆ ของโรบินและโรบินเองได้รับเชิญไปงานต่างๆ เสมอ” เธอกล่าวเน้น “พูดแบบง่ายๆ ก็คือ ฉันกำลังเสนอให้เชิญพวกเขาอย่างเปิดกว้างเพื่อให้พวกเขารู้สึกอิสระที่จะแวะมาที่บ้านของเราเมื่อใดก็ได้ที่พวกเขาต้องการ”
ในขณะเดียวกัน เธอยังเล่าอีกว่า Ysabel Brown ลูกสาวของเธอมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกๆ ของ Robyn จริงๆ แล้ว Mykelti Brown Padron ก็อาศัยอยู่กับพวกเขาอยู่พักหนึ่ง “มีประจำเดือนที่ยากลำบากและลูกๆ ของฉันก็รู้สึกหงุดหงิดบ้างเป็นบางครั้ง แต่พวกเขาก็มองว่าลูกๆ ของ Robyn เป็นพี่น้องของพวกเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
จาเนลล์กล่าวถึงการแต่งงานแบบพหุภริยาอย่างจริงใจว่า “เมื่อการแต่งงานแบบพหุภริยาได้ผลดี ก็จะทำให้โครงสร้างครอบครัวมีความพิเศษเฉพาะตัวและทุกคนในครอบครัวมีความผูกพันกันแน่นแฟ้นและสนับสนุนกัน คุณมีสามีที่ผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น แต่คุณก็ยังคงเสรีภาพส่วนบุคคลไว้ได้ สำหรับฉัน การแต่งงานแบบพหุภริยาเป็นโครงสร้างครอบครัวที่พิเศษ”
อย่างไรก็ตาม โคดี้จะไม่พูด “ฉันทำได้” กับการมีคู่สมรสหลายคนอีกครั้ง
เขาแสดงความเห็นของเขาในการออกอากาศเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมว่า “การมีคู่สมรสหลายคนมักจะบั่นทอนความสนิทสนมทางอารมณ์ มันทำให้ทุกคนรู้สึกตึงเครียด และสิ่งที่ผมปรารถนาคือความผูกพันทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งและใกล้ชิดกับผู้หญิง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ในความสัมพันธ์ที่มีคู่สมรสหลายคน
ตามคำบอกเล่าของ Janelle โคดี้พบว่าการแบ่งแยกความรักเป็นเรื่องยากขึ้นเมื่อครอบครัวย้ายจากลาสเวกัสไปยังแอริโซนาในปี 2018
ในตอนวันที่ 29 กันยายน มีการสังเกตว่าโคดี้รู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อต้องอยู่ห่างกันเมื่อเขาต้องย้ายไปแฟล็กสตาฟ อย่างไรก็ตาม เธอได้กล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องเตือนให้เขาไปเยี่ยมบ้านของเธอสองสามครั้ง เขามักจะหาข้อแก้ตัวว่าเหนื่อย แต่เธอชี้ให้เห็นว่า “ฉันเหนื่อยมาก ฉันบอกว่า ‘คุณพักผ่อนที่บ้านของฉันได้เหมือนกับที่บ้านของโรบิน’
พูดแบบง่ายๆ ก็คือ จาเนลล์กล่าวว่าลูกๆ ของเธอถูกตำหนิที่เข้าไปคลุกคลีในตู้เย็นของโรบิน ในทางกลับกัน ลูกๆ ของคริสตินก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะพวกเขารู้ว่าโรบินคบกับพ่อของพวกเขา แต่พ่อไม่อยู่บ้าน
โรบินบอกว่าลูกเรือของเธอรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างแน่นอน
ในตอนที่ 29 กันยายน เธอกล่าวว่าเมอริเปิดใจกับฉันและลูกๆ ของฉันเสมอ แต่คนอื่นๆ ในครอบครัวกลับมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับเรา เธอกล่าวว่าเราปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้
อย่างไรก็ตาม กาเบรียลอาจโต้แย้งว่าเขาและพี่น้องคนอื่นๆ ของเขาได้พยายามอย่างมากที่จะต้อนรับพวกเขาเข้าสู่กลุ่มของพวกเขา
ในการออกอากาศวันที่ 13 ตุลาคม ฉันได้แสดงมุมมองของตัวเองโดยกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าโรบินจะมีทัศนคติเป็นเหยื่อ หากฉันจะพูดตรงๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ขอชี้แจงว่า ฉันไม่ได้โทษเธอสำหรับเรื่องนี้ ในทางกลับกัน ฉันเชื่อว่าทุกคนต่างก็ใช้กลยุทธ์เฉพาะตัวเพื่อเอาตัวรอดในชีวิต
เพื่อชี้แจงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ฉันพบว่าตัวเองกำลังพูดว่า “หากเธอคิดจริงๆ ว่าเราปฏิบัติต่อเธอหรือลูกๆ ของเธออย่างไม่ยุติธรรม ขณะที่เธอได้รับความโปรดปรานจากพ่อของเราบ่อยครั้ง และเราพยายามสร้างสายสัมพันธ์กับลูกๆ ของเธอ หากเธอเชื่ออย่างแท้จริงเช่นนี้ ก็ไม่มีความหวังสำหรับความสัมพันธ์ใดๆ ในอนาคตระหว่างฉันกับโรบิน”
ในระหว่างการออกอากาศเมื่อวันที่ 29 กันยายน โคดี้ได้อธิบายว่าการย้ายบ้านบ่อยครั้งระหว่าง 4 บ้านส่งผลกระทบต่อตัวเขาและลูกๆ ทั้ง 18 คน เขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่อาริเอลลา ลูกคนเล็กของพวกเขาที่เกิดในเดือนมกราคม 2016 รู้สึกอ่อนไหวขณะที่เขากำลังจะจากไป โดยเกาะขาของอาริเอลไว้แน่น
โคดี้กล่าวว่า “ฉันมีภรรยาและลูกอีกคนที่ต้องการฉัน ดังนั้นฉันต้องบอกเธอว่าฉันต้องไป” เขากล่าว เธอเกาะติดเขาและร้องไห้ “อย่าทิ้งฉันไปนะพ่อ” มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเขา
น่าเสียดาย นั่นเป็นเพียงความจริงของการแต่งงานแบบพหุภริยาเท่านั้น เจเนลล์ยืนกราน
ตั้งแต่แรกเริ่ม เธอได้แจ้งให้ลูกๆ ทราบอย่างชัดเจนว่าพ่อของพวกเขาจะไม่อยู่ดูแลพวกเขาเป็นการถาวร สำหรับฉันแล้ว ดูเหมือนว่าโคดี้และโรบินจะจัดการกับสถานการณ์นี้กับลูกๆ ของพวกเขาได้ไม่ดี เขาไม่สามารถอยู่ห่างบ้านได้นานกว่าสองสามวันเพราะอารีอารมณ์เสียมาก ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าการเลี้ยงลูกแบบนี้ไม่เหมาะสม ตลอดประวัติศาสตร์ครอบครัว เด็กคนอื่นๆ มักจะจัดการกับการขาดบ้านแบบนี้ และพวกเขาก็เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสมดุล
Mykelti เป็นกลุ่มเด็กที่มีนามสกุล Brown ซึ่งมีจำนวนน้อยและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไม่เพียงแต่ Robyn และ Kody เท่านั้น แต่ยังรวมถึง Christine และ Janelle ด้วย ในระหว่างกระบวนการหย่าร้างของ Kody Mykelti มักทำหน้าที่เป็นคนกลางเพื่อรักษาความสงบภายในครอบครัว
ตั้งแต่แรกเริ่ม Mykelti รู้สึกผูกพันกับ Robyn มากจนถึงขนาดที่เธอขอให้ Robyn อยู่ด้วยในระหว่างการคลอดลูกแฝดของเธอในเดือนพฤศจิกายน 2022 ซึ่งก็คือ Archer และ Ace
ในระหว่างการแสดงวันที่ 29 กันยายน Mykelti เล่าว่าเมื่อ Robyn เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเรา ฉันยังคงพยายามค้นหาตัวเอง Robyn ทำให้ฉันรู้สึกพิเศษและเข้าใจ เธอเป็นคนที่คอยปลอบโยนเมื่อฉันต้องการใครสักคน เธออยู่เคียงข้างฉันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เมื่อฉันต้องการใครสักคนที่จะรับฟังและดูแลฉัน
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟ์สไตล์ ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขและสมหวังอย่างล้นหลามเมื่อได้มองดูครอบครัวของฉัน เมื่อโรบินเข้าร่วมกับเรา ชัดเจนว่าเธอและมิเกลติมีความผูกพันกันอย่างน่าทึ่ง ความผูกพันนี้สะท้อนถึงความปรารถนาของฉันเองที่มีต่อครอบครัวใหญ่ของเรา ในตอนวันที่ 6 ตุลาคม ฉันอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเมื่อได้ไตร่ตรองถึงพัฒนาการอันสวยงามนี้
ในใจ ฉันหวังเสมอมาว่าลูกๆ ของฉันจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคุณแม่คนอื่นๆ ในครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคนของเรา การได้เห็นพวกเขาผูกพันกันทำให้ฉันรู้สึกสำเร็จและพึงพอใจ เมื่อรู้ว่าเราได้บรรลุบางสิ่งที่พิเศษจริงๆ ร่วมกัน
โคดี้เชื่อว่าไม่ใช่แค่ภรรยาของเขาเท่านั้นที่เลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาในชีวิตของพวกเธอ แต่เขาคิดว่าพวกเธอตั้งใจทำเช่นนั้นเพื่อลงโทษสำหรับความผิดที่เขาไม่ได้ก่อ เขาแสดงความคิดเห็นนี้ในตอนวันที่ 6 ตุลาคม โดยพูดถึงความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างเขากับลูกๆ ที่โตกว่าเนื่องจากการแยกทางกันของเขา โดยพื้นฐานแล้ว โคดี้รู้สึกว่าเขาผิดเพียงเพราะเขาไม่ได้ตกหลุมรักแม่ของพวกเขาอย่างหมดหัวใจ
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังคิดว่าอดีตคู่สมรสของเขามีส่วนผิดเล็กน้อย
เขาเล่าว่าความเครียดในความสัมพันธ์กับลูกๆ ส่วนใหญ่เป็นปัญหาด้านจิตใจของเขา ซึ่งเกิดจากความคิดเห็นเชิงลบ เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “เราเกิดความรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรงเนื่องจากครอบครัวแตกแยก และความรู้สึกนี้แปลเป็นว่า ‘มาโทษพ่อกันเถอะ พ่อคงทำอะไรผิดแน่ๆ’
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะยอมรับความรับผิดชอบบางส่วนสำหรับสถานการณ์ดังกล่าว แต่เขาคัดค้านการดูหมิ่นดังกล่าวอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อแสดงความลำบากในการสร้างสัมพันธ์กับฮันเตอร์ แมดดี้ และกาเบรียล โคดี้สารภาพว่าลูกคนหนึ่งของเขาตอบโต้ข้อความโดยพูดว่า “คุณไร้ค่า ฉันจะไม่คุยกับคุณอีก แม้ว่าจะพยายามแล้วก็ตาม”
ในอีกเหตุการณ์หนึ่ง เขาได้แสดงความเห็นต่อกล้องว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ลูกคนหนึ่งของผมพูดว่า ‘แกมันไอ้ขี้แย ฉันจะไม่คุยกับแกอีกแล้ว แกหลอกใช้และปลูกฝังความคิดฉัน’
เขาไม่เต็มใจที่จะพูดถึงปัญหานี้ด้วยความรุนแรงอีกต่อไป “ฉันจะไม่ยื่นมือออกไปอย่างไม่มีกำหนด” เขากล่าว พร้อมชี้ให้เห็นว่าเขาเชื่อว่าผู้ใหญ่ด้วยกันควรมีความรับผิดชอบมากขึ้นในการแก้ไขปัญหานี้ “ฉันพร้อมที่จะยื่นกิ่งมะกอก แต่คนอื่นก็ต้องตอบแทนและพยายามเช่นกัน
สำหรับโรบิน การเห็นการแยกทางระหว่างโคดี้กับลูกๆ ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเป็นเรื่องที่กระทบใจเขาใจเรามากเกินไป
ในตอนที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม เธอเล่าว่าพ่อแม่ของเธอหย่าร้างกันตอนที่เธอยังเด็ก ในเวลานั้น พ่อของเธออาศัยอยู่กับภรรยาคนอื่นในเมืองอื่น ในขณะที่แม่ของเธออาศัยอยู่คนเดียว เธอจำได้ว่าครั้งหนึ่งเธอได้เผชิญหน้ากับพ่อแท้ๆ ของเธอ โดยถามเขาว่าทำไมเขาถึงไม่อยู่ตอนที่เธอยังเป็นเด็ก แทนที่จะให้คำอธิบาย เขากลับเสนอข้อแก้ตัวที่ไร้สาระ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกผิดหวังและเสียใจ
แทนที่จะหยุดความพยายามของเขาเพราะความรู้สึกเจ็บปวดของโคดี้ เธอจะไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นเป็นอุปสรรค “ฉันต้องยอมรับว่าฉันกำลังดิ้นรนเพื่อไม่ให้ความเคารพต่อคุณลดลงแม้แต่น้อย” เธอสารภาพระหว่างการโต้เถียงอย่างดุเดือดซึ่งเกิดขึ้นต่อหน้ากล้องในช่วงปลายปี 2022
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟ์สไตล์ ฉันขออธิบายดังนี้: แม้ฉันจะตระหนักว่าฉันอาจต้องเพิ่มความพยายามในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับลูกๆ แต่ฉันเชื่อว่ากุญแจสำคัญอยู่ที่การรักษาหัวใจของตนเองก่อน
เขาเปิดเผยความหงุดหงิดของเขาโดยกล่าวว่า “ลูกๆ ของฉันบางคนดูเหมือนจะรวมกลุ่มกันทำร้ายฉัน และฉันกลัวว่าถ้าเราคุยกัน พวกเขาอาจจะตำหนิฉัน ตอนนี้ฉันเครียดมาก การโต้ตอบกับพวกเขาอาจนำไปสู่อันตรายมากกว่าการแก้ไขปัญหา”
แม้ว่าสมาชิกในครอบครัวส่วนใหญ่จะเข้าร่วมงานแต่งงานของโลแกนและมิเชลล์ เพ็ตตี้ในเดือนตุลาคม 2022 แต่ดูเหมือนว่าจะขาดความอบอุ่นหรือความรักใคร่ระหว่างพวกเขา
ในตอนที่ 6 ตุลาคม ฉันได้แสดงความรู้สึกของฉันกับโรบินเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เมดิสันรีบทิ้งฉันกับลูกๆ ของเธอ ฉันบอกว่าฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สาม ชื่อโจเซฟิน ลูกสาวของเธอ ซึ่งจะเกิดในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ฉันบอกเธอว่าเธอไม่ได้แจ้งให้ฉันทราบเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ
พูดตรงๆ ว่าแมดดี้ไม่ได้บอกอะไรกับพ่อมากนัก เนื่องจากทั้งสองแทบไม่พูดคุยกันเลย
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟ์สไตล์ ฉันขออธิบายแบบนี้: “จาเนลล์ชี้แจงให้ชัดเจนว่าแมดดี้ ลูกสาวของเธอไม่มีความสัมพันธ์กับเขา แมดดี้ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของลูกๆ อย่างมาก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงอยากเก็บพวกเขาให้ห่างจากโคดี้ จริงๆ แล้ว โคดี้ไม่ได้อยู่ที่นั่นเลยตั้งแต่เอวีเกิดเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว และแมดดี้ก็ไม่อยากเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งเขาอาจอ้างตำแหน่ง ‘ปู่’ ทำให้ลูกๆ ของเธอสับสนเกี่ยวกับตัวตนของเขา
จากมุมมองของฉันในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟ์สไตล์ ฉันเชื่อว่าการยอมรับว่าปู่ย่าตายายอาจมีความท้าทายในการรักษาความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับหลานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครอบครัวย้ายไปอีกฟากหนึ่งของประเทศ เช่นเดียวกับที่แมดดี้ย้ายไปนอร์ทแคโรไลนา ในฐานะคนที่ต้องแบ่งเวลาและทำงานในเมืองแฟล็กสตาฟ ฉันเข้าใจถึงความจำเป็นในการมีพื้นที่ส่วนตัวและภาระผูกพันด้านเวลา อย่างไรก็ตาม การสร้างความเชื่อมโยงเมื่อทำได้นั้นมีความสำคัญ แม้ว่าจะต้องพยายามเป็นพิเศษหรือใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ก็ตาม
ในฐานะแฟนตัวยง ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งใจกับความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินต่อไประหว่างโคดี้กับลูกๆ ที่โตแล้วของเขา ปัญหาหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหัวใจสำคัญของความขัดแย้งระหว่างพวกเขาคือการที่เขายืนกรานที่จะรับคำขอโทษหรือการยอมรับการกระทำผิดจากพวกเขา
หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ชีวิตครอบครัวของเราไม่ได้กลับสู่ภาวะปกติอย่างที่คาดไว้ เพราะโคดี้รู้สึกว่าลูกชายควรขอโทษ โดยเฉพาะกับโรบิน สำหรับการกระทำของพวกเขา เขาอธิบายเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีความซับซ้อนมากขึ้น และท้ายที่สุด เขาต้องการให้ลูกๆ พูดคุยเรื่องนี้กับเขาโดยตรง
จาเนลล์แสดงความเห็นว่าปัญหาของโคดี้คือเขามองว่าลูกๆ ไม่ซื่อสัตย์ต่อเขา โดยเธอกล่าวว่า “และคนที่มอบความรักและความเอาใจใส่ให้กับครอบครัวนี้มากมายกลับถูกละเลยหรือปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม มันเป็นเรื่องไร้สาระแบบนั้น” เธอกล่าวสรุปว่า “ฉันแค่พูดว่า ‘เอาล่ะ โคดี้ ช่างมันเถอะ เอาเถอะ’
กาเบรียลแสดงความรู้สึกที่คล้ายกันเมื่อเขาคุยกับจาเนลล์เกี่ยวกับการพูดคุยกับพ่อของเขา เขากล่าวว่า “เขาดูเหมือนจะพูดเป็นนัยว่าฉันควรขอโทษ” ต่อมากาเบรียลบอกเขาว่า “เว้นแต่ว่าคุณจะเต็มใจที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเราและทำให้ทุกอย่างถูกต้อง เราจะไม่คุยกันอีกต่อไป” ไม่กี่วันต่อมา พ่อของเขาส่งข้อความหาเขาโดยบอกว่า “ผมกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของคุณ ผมให้อภัยคุณ โปรดให้อภัยผมด้วย” ซึ่งกาเบรียลตอบกลับว่า “ให้อภัยผมเรื่องอะไรกันแน่?
ในบรรดาลูกทั้งหกคนที่โคดี้มีกับจาเนลล์ มีเพียงซาวานาห์เท่านั้นที่โคดี้ยังคงรักษาความสัมพันธ์กับเขาไว้ แม้ว่าจะไม่ค่อยบ่อยนักก็ตาม ทั้งสองจะคุยโทรศัพท์และบางครั้งก็นัดพบกันประมาณสองเดือนครั้ง ส่วนลูกคนอื่นๆ ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์หรือเชื่อมโยงกับโคดี้มากนัก
สำหรับซาวันนาห์ที่เรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายในปี 2023 เธอมองว่าพี่ชายทั้งสี่คนของเธอมีบทบาทเป็นพ่อของเธอ และเธอยังได้บอกกับจาเนลล์ว่าเธออาจขอให้พี่น้องของเธอไปร่วมเดินกับเธอในสักวันหนึ่ง
ตามที่จาเนลล์เล่า เธอได้พูดคุยเรื่องนี้กับซาวานาห์แล้ว และซาวานาห์ก็แสดงความคิดเห็นว่า “ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่านี่คือธรรมชาติของเขา” เธอกล่าวต่อ “เขาจะเป็นพ่อที่สนุกสนานและทำอะไรเป็นครั้งคราว และฉันเข้าใจเรื่องนั้น ฉันสามารถปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเขาได้ ไม่เป็นไร”
อย่างไรก็ตาม จาเนลล์กลับให้อภัยเธอน้อยลง
เธอแสดงความหงุดหงิดที่มีต่อโคดี้โดยกล่าวว่า “ฉันรู้สึกผิดหวังอย่างมาก” จากประสบการณ์ของฉัน ฉันเคยพบเห็นสถานการณ์ที่คล้ายกัน ผู้หญิงหลายคนที่เคยร่วมงานด้วยในอดีตหย่าร้างกันไป แต่กลับพบว่าพ่อของเด็กหายตัวไปและหายไปจากชีวิตของลูกๆ
ในช่วงแรก ฉันพบว่าเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่งเมื่อโคดี้ พ่อของฉันเลิกรวมฉันไว้ในการเดินทางเพื่อธุรกิจเหมือนอย่างที่เขาเคยทำ พูดง่ายๆ ก็คือ โคดี้เป็นพ่อที่มีส่วนร่วมกับลูกอย่างลึกซึ้งมาก่อนหน้านี้
ในตอนวันที่ 13 ตุลาคม กาเบรียลแสดงความสับสนเกี่ยวกับสิ่งที่เขาอาจทำเพื่อให้พ่อของเขาอารมณ์เสีย แต่ยืนกรานว่า “ฉันบอกพ่อไปแล้วว่าถ้าเขาไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองและไม่สามารถรับผิดชอบได้ ฉันก็จะไม่ไปเยี่ยมเขาอีกต่อไป และฉันพอใจกับการตัดสินใจนั้นมาก”
เธอได้แสดงออกด้วยคำพูดของเธอเองว่าเขารู้สึกพอใจเมื่อไม่มีพ่ออยู่ในชีวิตของเขา ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือความปรารถนาของฉันที่มีต่อลูกๆ ทุกคน และฉันเชื่อว่าพวกเขาค่อยๆ เข้าใจความรู้สึกนี้
ส่วนโคดี้เองก็ดูเหมือนจะยอมรับกับสถานการณ์นี้เช่นกัน
เขาแสดงความเสียใจที่กาเบรียลดูเหมือนจะรู้สึกแบบนี้ โดยเสริมว่าเขาพยายามติดต่อกาเบรียลหลายครั้งแต่โชคไม่ดีที่ความพยายามเหล่านั้นไม่ได้รับการตอบแทน อย่างไรก็ตาม ขอให้ฉันชี้แจงว่าฉันได้พยายามทุกวิถีทางในการโต้ตอบเหล่านี้แล้ว
เมอริอาจเป็นภรรยาคนสุดท้ายของโคดี้ที่แยกทางกัน แต่เธอได้ยุติความสัมพันธ์ของพวกเขาทางกฎหมายในช่วงปลายปี 2022 โดยการยื่นคำร้องและได้รับสิ่งที่คริสตจักรของพวกเขาเรียกว่าการปล่อยตัว โดยอิงตามเหตุผลของการทอดทิ้ง
เธอสังเกตระหว่างการออกอากาศเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมว่าเขาไม่ชอบคำๆ นี้เพราะดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ทิ้งเธอไป แต่เธอกลับเชื่อว่าเขาทิ้งเธอไป
พูดอย่างง่ายๆ ก็คือ เธอเชื่อว่าเขาละเลยเธออย่างมาก จนกระทั่งเธอตัดสินใจจากไป ซึ่งทำให้เขาสามารถอ้างความบริสุทธิ์ได้โดยบอกว่า “ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
และโคดี้ก็ไม่ปฏิเสธว่าเขามีกลยุทธ์เล็กน้อย
เขายอมรับว่าได้ก้าวต่อไปแล้วเมื่อไม่นานนี้ แต่เขาก็ลังเลที่จะยุติความสัมพันธ์กับเธอ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าเธอจะตอบสนองอย่างไร ท้ายที่สุดแล้ว เมอริไม่ได้ซื่อสัตย์กับเขาตลอดช่วงเวลาที่คบหากัน ซึ่งนั่นทำให้เขากังวลใจ เรื่องนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องชื่อเสียง เมื่อคุณหย่าร้าง สถานะของคุณในชุมชนก็อาจได้รับผลกระทบได้
เมอริกล่าวหาว่าตรงกันข้าม คนที่ถูกทำให้มัวหมองคือเธอ
เธอแสดงความผิดหวังจริงๆ ที่โคดี้พูดถึงเรื่องการแต่งงานของเราเมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงของเขาในตอนนี้ ราวกับว่าเรื่องราวที่เขากำลังเล่านั้นเปลี่ยนไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับฉันกับคนอื่นกลับไม่ตรงความจริงเลย ผู้คนดูเหมือนจะยอมรับเรื่องราวที่เขาเล่าให้ฟัง แต่ฉันรู้ว่าความจริงนั้นแตกต่างออกไป
ก่อนที่คริสตินาจะแยกทางกับโคดี้ เธอเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนว่าทั้งคู่ไม่เหมาะกันนักตามคำแนะนำของที่ปรึกษาการแต่งงานในลาสเวกัส
คริสตินได้รวบรวมรายการรายละเอียดลักษณะที่เธอต้องการในตัวคู่ครอง รวมถึงการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การมีความสัมพันธ์ในครอบครัวที่แน่นแฟ้น และความดึงดูดซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตาม โคดี้ไม่ได้แสดงคุณสมบัติเหล่านี้ตามที่เธอเล่าในตอนวันที่ 20 ตุลาคม: “เขาไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในรายการของฉันเลย” เมื่อนำรายการนี้ไปให้เขาดู เขายอมรับว่า “ฉันไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นสำหรับคุณ” เธอตอบว่า “ไม่ คุณไม่ใช่
จดหมายฉบับดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เธอตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเดวิด วูลลีย์คือคู่ที่เหมาะสมกับเธอ
เธอเล่าอย่างตื่นเต้นว่าครอบครัวมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพ่อหม้ายลูกแปดคนนี้ เขาไม่เพียงแต่บริหารบริษัทแผ่นยิปซัมของตนเองเท่านั้น แต่ยังเป็นที่รู้จักในเรื่องความจริงใจและความจริงใจในการติดต่อกับผู้อื่น นอกจากนี้ เขายังมีทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
- Procter & Gamble ทุ่มเงินโฆษณาเพื่อดูแลสนามหญ้าที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้ของสหรัฐฯ ในช่วงซูเปอร์โบว์ล
- ทำไม Angel Soft ถึงหวังว่าคุณจะพลาดโฆษณา Super Bowl ตัวแรก
- Bitcoin Bonanza ของรัฐแอริโซนา: รัฐจะได้รับเงินสดหรือล้มละลาย?
- Hoda Kotb ส่งเสียงตะโกนไปที่รายการ ‘วันนี้’ แทน Craig Melvin
- Mauricio Umansky ตบเงิน 20,000 ดอลลาร์ในการยึดครองเนื่องจากเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เพิ่มหนี้ 51,000 ดอลลาร์จากภาษีที่ยังไม่ได้ชำระ
- ‘Invincible’ ซีซั่น 3 เพิ่มนักแสดงทั้ง 9 คน รวมถึง Jonathan Banks, Aaron Paul, Simu Liu, Tzi Ma
- Jim Tauber อดีตประธาน Sidney Kimmel Entertainment เสียชีวิตที่ 74
- มีรายงานว่า Jamie Foxx แยกทางกับ GF Alyce Huckstepp หลังจากอยู่ด้วยกันมานานกว่า 1 ปี
- Michelle Yeoh วัย 62 ปี ตะลึงในชุดรัดรูปในรอบปฐมทัศน์ ‘Star Trek: Section 31’
- Ripple CLO เรียกร้องให้ปิดคดี SEC ในวันครบรอบ 4 ปี
2025-01-27 09:49