ในฐานะผู้สังเกตการณ์เรื่องราวความรักที่ช่ำชองในรายการทีวีเรียลลิตี้ ฉันต้องบอกว่าฉากนี้จาก The Bachelorette โดนใจฉัน เจนน์ ผู้หญิงที่เข้มแข็งและตระหนักรู้ในตนเอง ไม่เพียงแต่แสวงหาคำพูดแสดงความรักเท่านั้น แต่การกระทำที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจและความซาบซึ้งอย่างแท้จริง น่าเสียดายสำหรับแซม ดูเหมือนว่าเขาจะพลาดเป้าไป
ในตอนของวันจันทร์ของรายการ The Bachelor Jenn Tran ได้จำกัดการแข่งขันจากผู้เข้ารอบสุดท้าย 7 คนให้เหลือเพียง 4 คนในระหว่างรอบ Homestowns
ในตอนนี้ มีการถกเถียงกันพอสมควรเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแซม ผู้รับ Rose Impression Rose ของเจนน์ตั้งแต่ต้น น่าเสียดายที่เขาถูกขอให้ออกไปหลังจากมีพฤติกรรมที่น่าสงสัยบางประการ
ในส่วนของสัปดาห์นี้ เราพบว่าตัวเองอยู่ในเมืองซีแอตเทิลที่มีชีวิตชีวา โดยเป็นเจ้าภาพจัดนัดสำคัญสำหรับผู้เข้าแข่งขันเจ็ดอันดับแรก ได้แก่ Devin, Sam, Jonathan, Grant, Marcus, Spencer และ Jeremy ที่สถานีวิทยุท้องถิ่น สุภาพบุรุษเหล่านี้ถูกท้าทายให้แบ่งปันความรู้สึกที่พวกเขามีต่อเจนน์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
พูดง่ายๆ ก็คือแซมมีปัญหากับคำตอบของเขา และเมื่อเจนนิเฟอร์ตรวจสอบอารมณ์ของเขาเพิ่มเติม สถานการณ์ก็แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เจนนิเฟอร์จึงจบการสนทนาก่อนงานแจกดอกกุหลาบ
ยิ่งไปกว่านั้น เธอไล่ทั้ง Grant และ Spencer ในช่วงปลายสัปดาห์นั้นในซีแอตเทิล โดยปล่อยให้ Devin, Jonathan, Marcus และ Jeremy เดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิด
เรื่องราวเกิดขึ้นในซีแอตเทิลหลังจากการเดินทางไปนิวซีแลนด์ โสเภณี เจนน์ ทรานน์ เล่าว่าเธอประสบความสำเร็จในการขจัดอุปสรรคระหว่างคุณกับสุภาพบุรุษ โดยกล่าวว่า ‘ฉันรู้สึกเข้าใจพวกเขาทุกคนอย่างลึกซึ้ง’ แต่สัปดาห์หน้าจะเป็นการเยี่ยมบ้านเกิด เจนสามารถจินตนาการถึงอนาคตของเธอร่วมกับทุกคนได้
เธอระบุว่า ภารกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เกี่ยวข้องกับการระบุตัวบุคคล 4 คนที่เธอจะพบในสัปดาห์หน้า ซึ่งครอบครัวที่เธอจะได้พบ สถานการณ์นี้น่ากังวลสำหรับเธอเพราะเธอคาดว่าจะสร้างสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับหนึ่งในนั้น จึงเป็นการตัดสินใจที่ท้าทายในการส่งใครสักคนกลับบ้าน เธอรับทราบว่าตัวเลือกนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลของโจอี้ที่เธอตกรอบหนึ่งสัปดาห์ก่อนวันที่บ้านเกิด เมื่อนึกถึงความรู้สึกในอดีตของเธอและเมื่อพิจารณาถึงอารมณ์ในปัจจุบันที่ผู้ชายเหล่านี้อาจกำลังประสบอยู่ เธอคาดว่าสัปดาห์นี้จะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอเป็นพิเศษ เธอเสริมว่าเธออยากจะพูดคุยกับคนที่เคยผ่านประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ก่อนที่จะพบกับ Charity Lawson จากซีซั่นที่แล้ว
เจนน์แสดงความรู้สึกของเธอดังนี้: “ตลอดกระบวนการนี้ แชริตี้เป็นดาวเด่นของรายการเรียลลิตี้โชว์อย่าง The Bachelorette เธอค้นพบความรักตลอดเส้นทาง และนั่นคือสิ่งที่ฉันปรารถนาที่จะบรรลุเช่นกัน ฉันหวังอย่างแท้จริงว่าฉันจะได้รับผลประโยชน์จากสิ่งที่มีค่าบางอย่าง ข้อคิดจากการกุศล”
องค์กรการกุศลถามว่า “ฉันกระตือรือร้นที่จะตรวจสอบคุณมาก บอกตามตรง” และเธอกล่าวเสริมว่า “ฉันสงสัยว่าคุณจะจัดการกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะฉันรู้ว่ามันค่อนข้างจะหนักหนา”
เจนน์กล่าวว่า “อันที่จริง บ้านเกิดกำลังจะมาถึงในสัปดาห์หน้า และฉันไม่อยากจบลงด้วยการตัดสินใจผิดพลาด”
การกุศลเป็นการแสดงออกว่า “ฉันเข้าใจ มันท้าทายอยู่ตลอดเวลาเพราะมันรู้สึกเหมือน ‘จะเป็นอย่างไรถ้า’ และนั่นอาจเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ”
เจนน์ถามว่า ‘แบบว่า คุณแยกแยะว่าคุณต้องการอะไรจากคนบางคนได้อย่างไร’ คุณรู้ไหม?
การแชร์เพื่อการกุศล “แท้จริงแล้ว ฉันเก็บรายชื่อผู้คนไว้ และทุกครั้งที่เราพูดคุยกันทุกสัปดาห์ ฉันจะจดคุณลักษณะหรือคุณลักษณะเพิ่มเติมที่โดดเด่นเกี่ยวกับพวกเขา”
Jenn แสดงความคิดเห็นว่า “ฉลาดมาก ฉันหวังว่าฉันจะคิดแบบนั้น” และ Charity ตอบว่า “ไม่เป็นไร คุณยังมีโอกาสอยู่ ดังนั้นเมื่อใคร่ครวญ ฉันพบว่าตัวเองจำเป็นต้องเจาะลึกลงไปในสิ่งที่ฉันต้องการ แล้วหลังจากนั้น ฉันต้องการจากพวกเขาเหรอ?”
เจนน์กล่าวว่ามันค่อนข้างท้าทายสำหรับเธอที่จะจำกัดตัวเลือกของเธอจากผู้ชายเจ็ดคนให้เหลือเพียงสี่คน
องค์กรการกุศลถามว่า ‘คุณรู้สึกว่ามีคนใดในพวกเขาที่อาจเก็บอะไรบางอย่างกลับมาหรือไม่’ Jenn ตอบว่า ‘ฉันเชื่อว่า Sam อาจจะลังเลอยู่บ้าง เขาดูคล้ายกับผู้ชายที่ฉันเคยสนใจมาก่อน โดยที่เรามีความสัมพันธ์ทางกายที่เหนียวแน่นร่วมกัน ฉันรู้สึกว่ายังมีอะไรอีกมากมายให้ค้นพบทางอารมณ์ร่วมกับเขา ซึ่งอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราลึกซึ้งยิ่งขึ้น นี่เป็นเพียงแรงดึงดูดทางกายภาพใช่ไหม? มันคืออะไรกันแน่? และฉันคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันวิตก”
เจนน์บอกว่าเจเรมีเป็นคนที่เธอพบว่าน่าขบขันอยู่ตลอดเวลา รู้สึกราวกับว่าฉันอยู่ใกล้เขาเพราะอารมณ์ขันของเราเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ฉันไม่แน่ใจเกี่ยวกับโอกาสที่บางสิ่งจะพัฒนาไปมากกว่านี้ระหว่างเรา
เจนน์ยังกล่าวถึงข้อสังเกตของเธอว่า ‘ดูเหมือนมาร์คัสจะลังเล’ อธิบายเพิ่มเติมว่า ‘ฉันเชื่อว่าเขาพบว่ามันยากที่จะเปิดใจ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกแบบเดียวกัน’ อย่างไรก็ตาม ฉันเห็นด้วยกับเขา พูดง่ายๆ ก็คือสัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์สำคัญ และฉันต้องการความมั่นใจในการถวายดอกกุหลาบเหล่านี้และเชื่อว่าจะมีอนาคตที่สดใส”
องค์กรการกุศลถามว่า “คุณดูเป็นไปได้ไหม บางทีอาจจินตนาการว่าตัวเองเป็นคนที่มีส่วนร่วมในตอนท้ายของเรื่อง” เจนน์ตอบว่า “ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถไปถึงจุดนั้นได้ด้วยผู้ชายบางคน และฉันก็ค่อนข้างกระตือรือร้นกับเรื่องนี้ พูดตามตรง ฉันตื่นเต้นมากกว่ากังวล”
ผู้ชายทุกคนมาถึงซีแอตเทิลแล้ว โดยมาร์คัสบอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เขาเคยไปบ่อยๆ และเขาตื่นเต้นมากที่ได้กลับมา
เพื่อนๆ ทุกคนกำลังสังสรรค์กัน โดยมีเจเรมีซึ่งยังไม่ได้ไปเดตแบบส่วนตัว โดยหวังว่าเจนน์จะ ‘เก็บช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดไว้เป็นครั้งสุดท้าย’
เจเรมียอมรับว่า “บางทีตอนนี้อาจเป็นการคิดเพ้อฝัน แต่ฉันเชื่อจริงๆ ว่ามีความเชื่อมโยงอันทรงพลังระหว่างเรากับเจนน์ ดังนั้น ฉันจึงหวังว่าจะมีโอกาสได้ใช้เวลาตามลำพังกับเธอ”
ในสถานการณ์สมมตินี้ สามารถใช้ถ้อยคำใหม่ได้ดังนี้: Jeremy รู้สึกผิดหวังเมื่อรู้ว่า Marcus ได้รับเลือกให้ออกเดทส่วนตัว โดยได้รับคำเชิญว่า “Marcus มาสำรวจความโรแมนติกในเมือง Emerald City กันเถอะ ขอแสดงความนับถือ Jenn”
ซองจดหมายเชิญมาถึงด้วยความประหลาดใจข้างใน – แจ็กเก็ตของเล็ตเตอร์แมนสีเขียวแบบวินเทจ – ซึ่งทำให้มาร์คัสงงเกี่ยวกับความสำคัญของมัน แต่เขากลับแสดงความตื่นเต้นโดยพูดว่า ‘ฉันตื่นเต้นมาก!’
‘ถ้าฉันได้รับดอกกุหลาบคืนนี้ นั่นหมายความว่าเจนน์จะได้ไปพบกับครอบครัวของฉัน และนั่นคือข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดสำหรับฉัน เพราะถ้าไม่มีพวกเขา ฉันก็ไม่มีอะไรเลย จึงเหมือนเป็นเรื่องสำคัญ แต่ความกลัวเพียงอย่างเดียวของฉันคือการเข้าไปขวางทางของตัวเอง และเฝ้ายามและถูกส่งกลับบ้าน ฉันคิดว่าบางครั้งสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่คุณทำได้ ก็คือ เปิดใจรับความเป็นไปได้ของความรัก ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังเตรียมพร้อมรับผลกระทบในตอนนี้ คุณเป็นเหมือน ‘โอ้ ผ่อนคลาย’ แต่คุณก็แบบ — แต่ถ้าฉันได้รับบาดเจ็บล่ะ? มาร์คัสพูดว่า
ในการไปเที่ยวส่วนตัวด้วยกันครั้งที่สอง Jenn บอกว่าเดทนี้มีความสำคัญมากสำหรับพวกเขา
ในความคิดส่วนตัวของเธอ เจนน์แสดงออกถึงความผูกพันทางอารมณ์อันลึกซึ้งกับเขา บวกกับความสัมพันธ์อันทรงพลัง แต่เธอสังเกตเห็นว่าบางครั้งมาร์คัสลังเล สัปดาห์หน้าเป็นสัปดาห์ที่เป็นการเยี่ยมเยียนบ้านเกิด หากพวกเขาไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคนี้ได้ ก็อาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ เธอรู้สึก Jenn ปรารถนาที่จะเติบโตและก้าวหน้าต่อไปในการอยู่ร่วมกัน ดังนั้นแรงกดดันจึงมีนัยสำคัญในปัจจุบัน
ในเมืองมรกต พวกเขารวมตัวกันกับพิธีกรเจสซี พาลเมอร์ ซึ่งประกาศว่าพวกเขาจะรำลึกถึงภาพยนตร์เรื่อง “Wicked” ที่กำลังจะเข้าฉายเนื่องจากตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขา
เจสซีกล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้หมุนรอบความรักเป็นหลัก ครอบคลุมการผจญภัย และเจาะลึกถึงการเปิดเผยลักษณะนิสัยที่แท้จริง เขาตั้งข้อสังเกตถึงแง่มุมเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในยุคปัจจุบันของเรา
ในการสารภาพของเธอ เจนยอมรับว่าเธอเคยดูละครเพลงเรื่อง Wicked แล้ว สิ่งที่โดนใจเธอเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือคอนเซ็ปต์ที่ว่าคนเรามักมีอะไรมากกว่าสิ่งที่ปรากฏในตอนแรกเสมอ กับมาร์คัสในวันนี้ เธอหวังว่าจะได้ค้นพบว่าความสัมพันธ์ของเรามีศักยภาพที่จะลึกซึ้งยิ่งขึ้นหรือไม่
ในฐานะบุคคลที่ระมัดระวัง ฉันพบว่าตัวเองอดกลั้น แต่เจนน์ได้เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันก้าวไปสู่การเปิดกว้างและอ่อนแอมากขึ้น การให้ผู้คนเข้ามาในชีวิตของฉันเป็นเรื่องท้าทาย แต่สำหรับ Jenn ฉันกระตือรือร้นที่จะเปิดรับโอกาสแห่งความเปราะบางและอาจค้นพบความรัก
ในช่วงเริ่มต้นของการสร้างถนนอิฐสีเหลืองแบบโฮมเมด พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก Kelsey Anderson และ Daisy Kent อดีตผู้เข้าร่วมจากการเดินทางในระดับปริญญาตรีของ Jenn
เดซี่และเคลซีย์มาแล้ว ฉันตื่นเต้นมากที่ได้พวกเขามาที่นี่ ดังที่คุณคงจำได้ ในช่วงฤดูกาลของ Joey เราสนิทกันมาก และการได้พวกเขามาร่วมการผจญภัยครั้งนี้ก็มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับฉัน
บนถนนอิฐสีเหลืองเส้นนี้ พวกเขาออกเดินทางโดยได้รับการสนับสนุนให้แสดงรสนิยมของตนเองออกมาตามความเป็นจริง แต่ท้ายที่สุดก็เห็นด้วยกับตัวเลือกต่างๆ เนื่องจากนั่นคือแก่นแท้ของการเดินทางร่วมกันในความสัมพันธ์
ในการสำรวจ พวกเขาสะดุดกับภาชนะสองใบที่มีป้ายกำกับว่า ‘เผ็ด’ และ ‘หวาน’ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกเขาเลือกกล่อง ‘รสเผ็ด’ เพียงเพื่อจะค้นพบพริกหลายชนิดที่ซ่อนอยู่ข้างใต้
ในสถานการณ์นี้ ทั้งคู่ได้ลิ้มรสพริกไทย แต่ดูเหมือนว่ามาร์คัสยังคงไม่สะทกสะท้าน ทำให้เจนน์อุทานออกมาว่า “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณไม่โต้ตอบ! นี่มันไม่ยุติธรรมเลย” (ในบริบทที่เป็นกันเองมากกว่า เจนน์อาจพูดว่า “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะไม่รู้สึกมัน! นี่มันไม่ยุติธรรม”)
ในการสารภาพ เดซี่แสดงความเชื่อว่าเคมีที่เข้ากันระหว่างเจนน์และมาร์คัส เธอคิดว่าพวกเขาเหมาะสมกันมากเป็นพิเศษ
ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้ตู้คอนเทนเนอร์อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีป้ายกำกับว่า “กรีดร้องและกระซิบ” ทั้งคู่ก็เลือกใช้ตู้ที่มีเครื่องหมาย “กรีดร้อง” เมื่อยกมันขึ้น พวกเขาจะแสดงข้อความ: “แสดงอารมณ์ของคุณออกมา”
มาร์คัสอุทานว่า “ฉันชอบเจนน์!” เจนน์ตอบว่า “รู้สึกเหมือนเราเป็นคู่รักกันจริงๆ เมื่อมาร์คัสเดินทางไปตามถนนอิฐสีเหลือง ตัดสินใจเลือกด้วยกัน มันช่างสนุกสนานจริงๆ ฉันซาบซึ้ง”
เมื่อพบกล่องที่มีป้ายกำกับว่า “ขี้เล่น” และ “หลงใหล” มากขึ้น พวกเขาก็ตัดสินใจต่อสู้แย่งหมอนกันอย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม ความสนุกสนานของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น ทำให้พวกเขาได้แบ่งปันช่วงเวลาแห่งความรักบนกองหมอน
“เจนน์กล่าวว่า ‘ถึงแม้จะสนุก แต่การกระโดดขึ้นไปบนกองหมอนกับมาร์คัสก็ดูเข้มข้นมากในตอนนี้’”
Marcus กล่าวว่า “ฉันไม่เคยคาดหวังว่าวันของเราจะต้องจบลงด้วยการที่เราจูบกันบนกองหมอนอิงสีชมพู ถึงเวลาที่จะเดินหน้าต่อไปแล้วหรือยัง – แน่นอน – Marcus: คุณรู้ไหม ฉันเชื่อว่าประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครนี้เหมาะสำหรับเจนน์และฉันตั้งแต่ชีวิตคือ เกี่ยวกับการเดินทางและการตัดสินใจที่ท้าทาย และฉันคิดว่าเราเริ่มต้นได้ดีแล้ว”
พวกเขาเจออีกสองกล่อง – เร็วและช้า – แม้ว่าเจนน์จะเลือกเร็วและมาร์คัสจะเลือกช้าก็ตาม
ในฐานะบุคคลที่ระมัดระวังในความสัมพันธ์ ฉันชอบดำเนินการอย่างช้าๆ แทนที่จะเร่งรีบ สำหรับฉัน การยอมให้ใครสักคนเข้ามาในชีวิตก็เหมือนกับการผูกมัดตลอดชีวิต และความคิดนั้นก็ค่อนข้างน่ากลัว
ในการสารภาพ เจนน์แสดงความกังวลโดยพูดว่า “มาร์คัสเคลื่อนไหวตามจังหวะของเขาเอง ซึ่งช้ากว่าของฉัน และนั่นทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย” ด้วยวิธีนี้ เราจึงรักษาความหมายดั้งเดิมแต่นำเสนอในภาษาที่เป็นธรรมชาติและเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
พวกเขาไปขี่จักรยานไปตามถนนอิฐสีเหลืองและพบกับแชริตี้ ลอว์สันอีกครั้ง ซึ่งแจ้งให้ทราบว่า ‘ขั้นต่อไปในการผจญภัยของคุณคือการค้นพบชิ้นส่วนของบ้านที่หล่อหลอมคุณให้เป็นตัวตนของคุณในปัจจุบัน ข้างหลังฉันมีฟองสบู่วิเศษอันโด่งดังของกลินดา คุณจะต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ของฉันช่วยคุณในการเป่าฟองสบู่ที่มีเอกลักษณ์เหล่านี้
เมื่อฟองสบู่แตก พวกเขาก็ค้นพบภาพที่แสดงถึงมาร์คัสและพี่น้องของเขา ซึ่งเป็นการรำลึกถึงการสำเร็จการศึกษาของเขาจากการฝึกขั้นพื้นฐาน
เขารับรองกับเธอว่า “เราสื่อสารกันทุกวัน ถ้าฉันไปถึงช่วงที่บ้านเกิด คุณจะรู้จักเธออย่างแน่นอนเพราะเธอเป็นบุคคลสำคัญในชีวิตของฉัน เธอเป็นคนที่ยืนหยัดมั่นคงตลอดทั้งช่วงขึ้นและลงของฉัน อดทนทุกสิ่งที่ฉันมี มีประสบการณ์” เขากล่าวเสริมว่า “ชีวิตมีความท้าทาย แต่น้องสาวของฉันอยู่ตรงนั้นตลอดทั้งช่วงสูงและต่ำ”
ในวิดีโอ Gabby น้องสาวของ Marcus ทักทายเขาอย่างอบอุ่น แสดงความหวังถึงความเป็นอยู่ที่ดีของเขาและประสบการณ์อันเหลือเชื่อระหว่างการเดินทางของเขา เธอตั้งตารอที่จะได้พบเขาอีกครั้งอย่างกระตือรือร้นและยอมรับว่าเธอคิดถึงเขาอย่างสุดซึ้ง เธอยังพูดตลกเกี่ยวกับการหวังว่าเขาจะกลับมาพร้อมกับคู่ครองในอนาคตที่อยู่บนแขนของเขา
มาร์คัสแสดงว่าเขาต้องการให้เจนน์เข้าใจว่าพี่สาวของเขาสำคัญกับเขาแค่ไหน เขาอยากให้เธอตระหนักถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของพวกเขา
ในจดหมายที่จริงใจ แม่ของเจนน์แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีของเจนน์ และแบ่งปันความรักอันลึกซึ้งของเธอ เธอกล่าวถึงความกระตือรือร้นของเธอที่จะได้เห็นเส้นทางของเจนน์สู่ความรักที่แท้จริง เธอขอโทษที่ไม่สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่สองคนได้อย่างสมบูรณ์ เธออธิบายว่ามันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอ อย่างไรก็ตามเธอย้ำว่าเธออยู่ในใจของเจนน์เสมอ เธอสรุปด้วยการแสดงความรักอันลึกซึ้งและระบุว่าเจนน์มีความหมายต่อโลกสำหรับเธอ ลงชื่อออก มันคือ ‘รักแม่’
เจนน์เล่าว่า “แม่ครับ ผมเข้าใจว่าเธอทำสุดความสามารถแล้ว และเธอก็ตั้งเป้าไว้เสมอเพื่อให้แน่ใจว่าผมจะไม่รู้สึกเหมือนครอบครัวเราแตกแยก เธอไม่เคยอยากให้ผมคิดว่ามีบางอย่างขาดหายไปในสถานการณ์ของเรา”
ในคำสารภาพ เธอยอมรับว่า ‘เมื่อมองย้อนกลับไปในวัยเด็ก ฉันสามารถพูดได้ว่าสิ่งต่างๆ ดูเหมือนจะพังทลายสำหรับฉัน’ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาว่าตอนนี้ฉันเป็นใคร ฉันสามารถเอาชนะอดีตที่ยากลำบากที่ฉันเคยประสบมาได้ สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าสถานการณ์นี้อยู่เหนือเราสองคน ฉันรู้สึกอย่างยิ่งว่ามาร์คัสจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวของฉัน’
ทริสต้า ซัทเทอร์ สาวโสดดั้งเดิม ทักทายพวกเขาและแบ่งปันว่า ‘นานมาแล้ว ฉันค้นพบความรักบนเส้นทางสายนี้ การเปิดใจและจริงใจเกี่ยวกับความปรารถนาของคุณอาจทำให้รู้สึกลำบากใจ แต่การค้นหาความรักเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นจงปล่อยให้ความรักของคุณพิชิตแรงโน้มถ่วงที่สูงตระหง่านเหนือเมือง
พวกเขาเดินทางด้วยบอลลูนลมร้อนทั่วเมืองซึ่งเป็นครั้งแรกที่พวกเขานั่งบอลลูนเช่นนี้ ดังที่เจนน์สารภาพว่า “ประสบการณ์นี้ทำให้ฉันเต็มไปด้วยการมองโลกในแง่ดีสำหรับมาร์คัสและตัวฉันเอง อย่างไรก็ตาม ฉันก็กังวลเช่นกันว่าอาจจะอยู่ในระดับที่แตกต่างจากมาร์คัส คืนนี้เป็นพิธีมอบดอกกุหลาบที่บ้านเกิดครั้งแรก และฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะไปถึงจุดหมายด้วยกันได้’
ที่โรงแรม Grant แสดงความปรารถนาที่จะออกเดทส่วนตัวกับ Jenn เนื่องจากเขาไม่ได้เจอเธอตามลำพังตั้งแต่สัปดาห์ก่อน
ในทางกลับกัน การ์ดเดทมาถึงและเป็นเดทกลุ่มของสเปนเซอร์ โจนาธาน แซม เดวิน และแกรนท์ ขณะเดียวกันเจเรมีได้รับสิทธิ์ให้ออกเดตแบบตัวต่อตัวแยกกัน
ในคำสารภาพ Grant แสดงความผิดหวัง: ‘ฉันพลาดการประชุมแบบตัวต่อตัว และฉันรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้จริงๆ การสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวเพียงเพื่อพบว่าฉันไม่สามารถพบเธอด้วยตนเองได้ นั่นมันน่าหงุดหงิด การได้รู้ว่าเธอกำลังออกเดตอื่นในเวลาเดียวกัน… มันไม่ใช่ความรู้สึกที่น่ายินดีเลย มันไม่เป็นที่พอใจเลย”
ในฐานะที่ปรึกษาด้านไลฟ์สไตล์ ให้ฉันแบ่งปันประสบการณ์ล่าสุดของฉัน เมื่อคืนฉันได้ไปเดทสุดพิเศษกับมาร์คัสซึ่งทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข อย่างไรก็ตาม ฉันพบว่าตัวเองกำลังต่อสู้กับความหวาดหวั่น โดยกลัวว่าตัวเองอาจเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และจมอยู่กับความสัมพันธ์ของเรากับมาร์คัสมากเกินไปเกินความจำเป็น
ในฐานะผู้ชื่นชมผู้อุทิศตน ฉันอดไม่ได้ที่จะแสดงความเชื่อมโยงอันลึกซึ้งที่ฉันรู้สึกต่อมาร์คัส ถึงกระนั้น ก็มีความหวาดหวั่นว่าฉันอาจจะแซงหน้าเขาไปในทางใดทางหนึ่ง และความไม่แน่นอนนั้นก็น่ากลัวอย่างยิ่ง คืนนี้ ฉันปรารถนาให้ Marcus เปิดเผยตัวตนภายในของเขาให้มากขึ้น และแบ่งปันความรู้สึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับฉัน เช่นเดียวกับที่ฉันทำกับคนสำคัญ ถ้ามาร์คัสไม่มาพบฉันในระดับเดียวกับฉันคืนนี้ มันคงจะบีบหัวใจมาก
แต่พวกเขามุ่งหน้าไปที่ T-Mobile Park ซึ่งเป็นสนามกีฬาที่ทีม Seattle Mariners (ทีม MLB) เล่น เพื่อรับประทานอาหารค่ำแบบใกล้ชิดที่จัดบนจานบ้านโดยตรง
ในมื้อเย็น เจนน์แสดงความขอบคุณที่มาอยู่ที่นั่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพราะมันทำให้เธอได้แบ่งปันกับคุณอย่างเปิดเผยมากขึ้น เธอยังกล่าวถึงความปรารถนาของเธอที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยที่คล้ายกันซึ่งคุณสามารถรู้สึกสบายใจที่จะเปิดใจเช่นกัน
มาร์คัสสารภาพว่า “ฉันตั้งตารอที่จะได้พูดคุยเรื่องบ้านเกิดของฉันกับเจนน์ ฉันไม่ค่อยเปิดใจให้คนอื่นรู้ว่าฉันมาจากไหนและรู้สึกอย่างไร แม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่ค่อยเห็นด้านนั้นของฉัน ดังนั้น ฉัน คิดว่าฉันแค่อยากจะซื่อสัตย์กับเธอในทุกเรื่อง และสังเกตปฏิกิริยาของเธอต่อสิ่งนั้น”
ในมื้อเย็น ฉันแบ่งปันความคิดของฉันเกี่ยวกับวันนี้กับเธอ โดยเน้นความคิดเห็นเฉพาะที่แม่ของเธอแสดงซึ่งสะท้อนใจอย่างลึกซึ้ง เธอกล่าวถึงการเลี้ยงดูของเธอ โดยที่พ่อของเธอไม่อยู่ด้วยเท่าที่ควรหรือควรจะเป็น สิ่งนี้โดนใจฉันเพราะฉันมาจากครอบครัวที่ไม่ดีพร้อมเช่นกัน ฉันกับน้องสาวเติบโตขึ้นมาในสถานการณ์ที่ท้าทาย
เขาแสดงให้เห็นว่าการเลี้ยงดูของเราได้รับการจัดการที่ไม่ดีโดยพ่อแม่ที่พยายามดูแลเราอย่างเพียงพอ พวกเขาดูคล้ายกับบุคคลที่ไม่มั่นคงและดูไม่เหมาะกับบทบาทของผู้ปกครอง มีอยู่ครั้งหนึ่ง พวกเขาทิ้งเราไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กและไม่กลับมาอีกเลย
มาร์คัสอธิบายเพิ่มเติมว่า “เหตุการณ์นั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงที่ท้าทายในวัยเด็กของผม โดยพื้นฐานแล้ว ฉันต้องรับผิดชอบน้องสาวของฉันเมื่อเราอาศัยอยู่ในบ้านอุปถัมภ์ ครอบครัวในอนาคตจะทดสอบเรา และมีหลายกรณีที่ฉันรู้สึกมีความหวังในการหาครอบครัวถาวร แต่ความหวังนั้นก็พังทลายลงเมื่อพวกเขาตัดสินใจต่อต้านมัน และนำน้องสาวของฉันและฉันกลับสู่ระบบอุปถัมภ์ ประสบการณ์นี้ทำให้ฉันสงสัยว่ามีบางอย่างในตัวฉันที่มีข้อบกพร่องหรือไม่
ในการสารภาพของเธอ เจนน์เห็นอกเห็นใจมาร์คัสโดยกล่าวว่า ‘เมื่อได้ฟังเรื่องราวของเขาคืนนี้ ฉันก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเก็บความรู้สึกของเขาไว้เป็นความลับและรักษาเกราะป้องกันไว้’ ความอ่อนแอของเขาสะท้อนใจฉัน และตอนนี้ฉันเข้าใจความลังเลของเขาดีขึ้นแล้ว แปลโดยพื้นฐานแล้วเธอกำลังถ่ายทอดว่าเขาไม่มีอะไรผิดปกติ เนื่องจากประสบการณ์และอารมณ์ของเขามีความสัมพันธ์กันและอธิบายพฤติกรรมในอดีตของเขา
Marcus เปิดเผยว่า “คุณเข้าใจใช่ไหม ดูเหมือนว่าจะมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างการชื่นชมใครสักคนและการรักพวกเขาอย่างแท้จริง หลังจากวันนี้ ฉันพบว่าตัวเองปรารถนาที่จะก้าวลงจากหน้าผานี้ไปสู่เหวนั้น แสวงหาความรักที่ยังคงอยู่แม้ในขณะที่ คนอื่นอาจจะจากไป”
เธอแสดงออกว่า ‘ฉันอยากให้คุณเข้าใจความแข็งแกร่งของตัวเอง ขอให้คุณเชื่ออย่างลึกซึ้งและรับรู้ได้อย่างชัดเจน การแบ่งปันประสบการณ์ของคุณไม่ใช่การแสดงถึงความอ่อนแอ หรือบ่งชี้ถึงความเสียหายหรือไร้ค่า แต่มันแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นที่คุณเป็น โดยเอาชนะทุกสิ่งที่คุณมีได้ ฉันรับรู้สิ่งนี้ในตัวคุณ ฉันเห็นคุณ และฉันต้องการให้คุณรู้ว่าฉันดีใจแค่ไหนที่คุณอยู่ที่นี่ เพราะฉันแทบจะจินตนาการไม่ออกว่าการเดินทางของเราหากไม่มีคุณ’
ในการสารภาพของเธอ เธอแสดงให้เห็นว่าการฟังเรื่องราวของมาร์คัสและเข้าใจภูมิหลังของเขาอย่างแท้จริงช่วยให้เธอเห็นอกเห็นใจเขาอย่างลึกซึ้งในฐานะปัจเจกบุคคล โดยซาบซึ้งว่าทำไมเขาถึงประพฤติตนเหมือนที่เขาทำและวิธีที่เขารับรู้ถึงความสัมพันธ์ มุมมองนี้สะท้อนมุมมองของเธอเกี่ยวกับความสัมพันธ์ได้อย่างน่าทึ่ง ดูเหมือนว่าเรามีความคล้ายคลึงกันอย่างมากเนื่องจากการเลี้ยงดูในครอบครัวที่ไม่เป็นแบบแผน เราทั้งคู่ดูหวาดกลัว แต่เราทั้งคู่ตระหนักดีว่าเมื่อเราพบรักแล้ว มันจะกลายเป็นคำมั่นสัญญาที่ไม่อาจย้อนกลับได้
ท่ามกลางเหล่าแฟนคลับที่ล้นหลาม ฉันอยู่นี่ ระบายความในใจออกมาว่า “วันนี้ มันรู้สึกเหมือนกับความฝันที่เป็นจริง และโอกาสที่จะได้เจาะลึกเข้าไปในโลกของคุณคืนนี้ ถือเป็นสมบัติอันล้ำค่า หากจะมีสักครั้งที่ คุณสงสัยในคุณค่าของคุณ รู้ไหม คุณไม่มีค่าสำหรับฉัน มาร์คัส คุณจะให้เกียรติฉันด้วยดอกกุหลาบนี้ไหม” คำตอบของเขาเต็มไปด้วยความขอบคุณ: “ฉันจะดีใจมาก ขอบคุณ”
Marcus เล่าว่า “ตอนเด็กๆ นี่เป็นเรื่องราวความรักแบบที่ฉันจินตนาการไว้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด ฉันเชื่อว่าเรื่องราวความรักเช่นนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับฉัน แต่ที่นี่มันกำลังปรากฏต่อหน้าฉัน มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าฉัน” ฉันอยู่ในความฝัน”
ในลักษณะที่เรียบง่ายและเป็นการสนทนามากขึ้น ประโยคอาจถูกเรียบเรียงใหม่ดังนี้: พวกเขากำลังดูดอกไม้ไฟเหนือสวนสาธารณะในขณะที่พวกเขาจูบกัน และมาร์คัสสารภาพว่า “ตอนนี้ฉันรู้สึกเบาลงมาก เหมือนว่าในที่สุดฉันก็สามารถหายใจได้หลังจากเปิดใจกับเจนน์” เธอยอมรับฉันในแบบที่ฉันเป็น เจนน์จะได้พบกับทุกคนที่ฉันห่วงใย ดังนั้นฉันจึงรู้สึกโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ”
การรวมตัวเกิดขึ้นที่สถานีวิทยุชื่อ Love On Air Seattle ซึ่ง Jenn และเพื่อนๆ ของเธอได้พบปะกับดีเจ Bender และ Jubal รวมถึง Jason และ Molly Mesnick คู่รักที่แต่งงานกันในปี 2010 และเคยปรากฏตัวในสถานีนี้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ก่อน.
มอลลี่ถามใครก็ตามที่ดึงดูดความสนใจของเธอทันที และเธอก็ตอบว่า ‘ในคืนแรก ฉันจูบคนเพียงคนเดียวเท่านั้น และนั่นคือแซม’ ปัจจุบันการเชื่อมต่อของเราแข็งแกร่งขึ้นทางร่างกายมากกว่าทางอารมณ์ แต่ฉันหวังว่ามันจะกลายเป็นทางอารมณ์มากขึ้น โดยพื้นฐานแล้ว ฉันกระตือรือร้นที่จะทำลายอุปสรรคและรักษาความสัมพันธ์นี้ต่อไป
เมื่อถามเกี่ยวกับคนที่เธอติดต่อด้วยทันทีและรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ เธอก็พูดถึงแซมด้วย และอธิบายเพิ่มเติมว่า “แน่นอนว่าเขาเป็นนักกอดที่วิเศษมาก”
ในฐานะแฟนตัวยง ฉันไม่สามารถซ่อนความรู้สึกของตัวเองได้เมื่อพูดว่า ‘ฉันมีความผูกพันอันแน่นแฟ้นกับแซมมากขึ้น’ เขามีเสน่ห์และให้ฉันบอกคุณว่าเคมีระหว่างเราไม่เข้ากัน โดยเฉพาะในช่วงการออกเดทส่วนตัวของเรา แต่มีสัญญาณที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ และฉันปรารถนาความรู้สึกมั่นคงในความสัมพันธ์ของเรา มันไม่ใช่อย่างที่ควรจะเป็น และฉันอยากจะค้นพบชิ้นส่วนที่หายไปในวันนี้”
เมื่อเข้ามา ทุกคนก็พบว่าตนบังเอิญไปพบกับสถานที่กระจายเสียงวิทยุ ในขณะเดียวกัน ระหว่างการใคร่ครวญเป็นการส่วนตัว เดวินบอกเป็นนัยว่าแซมผู้หยิ่งยโสอาจเผชิญกับความยากลำบากบางอย่าง
เดวินกล่าวว่า “มันอาจจะค่อนข้างอึดอัดเมื่อจู่ๆ คุณก็จำเป็นต้องแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาทันที สำหรับแซม ฉันรู้สึกว่าเขาอาจสะดุดล้ม แต่มารอดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น’
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟ์สไตล์ ฉันบอกไว้ดังนี้: “ฉัน มอลลี่ แบ่งปันว่าเจนน์กระตือรือร้นที่จะเจาะลึกลงไปว่าพวกคุณแต่ละคนเป็นใครจริงๆ เพื่อเริ่มต้นการสำรวจอย่างใกล้ชิดนี้ เราจะเริ่มดำเนินการ เกมเชื่อมโยงคำที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว”
ในตอนแรกพวกเขาใช้ชื่อสเปนเซอร์ ซึ่งตอบกลับด้วยคำว่า ‘โรส’ สเปนเซอร์ตอบอย่างรวดเร็วว่า ‘อาบน้ำ’ ทุกครั้งที่แกรนท์พูดว่า ‘อาบน้ำ’
ในเหตุการณ์พลิกผัน พวกเขาไปถึงแซมโดยเสนอ “ชุดแฟนตาซี” ให้เขา เขาแสดงอาการลังเล แต่เมื่อถูกเตือนว่าเป็นรอบ “ด่วน” เขาก็ตอบสนองอย่างกล้าหาญด้วย “ก้าวร้าว” ซึ่งทำให้ทุกคนไม่ทันระวัง
พวกเขาขอให้แกรนท์แบ่งปันสามคำที่อธิบายเจนน์ได้ดีที่สุด และเขาตอบว่า ‘เธอฉลาด มีส่วนร่วม และฉลาด’
เดวินกล่าวว่า ‘เจนน์เป็นคนร่าเริงและน่าทึ่ง และฉันคิดว่าสิ่งที่สนุกที่สุดคือเรื่องที่เกิดขึ้นเอง”
1. โจนาธานแสดงออกว่าโปรเจ็กต์นี้ ‘มีพลัง’ และ ‘น่าตื่นเต้น’ แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับเขาอย่างแท้จริงคือการ ‘เปิดใจกว้าง’ ในความคิดส่วนตัวของเธอ เจนนิเฟอร์ยอมรับว่าดูเหมือนว่าจะมีการแข่งขันแสดงความรักต่อตัวเอง และเธอก็สนุกกับทุกช่วงเวลาของมัน เธอยังเล่าถึงความอยากรู้อยากเห็นของเธอว่าใครรักเจนนิเฟอร์มากกว่ากัน
สำหรับแซม เขาแสดงออกว่า “ฉันจะพูดแบบนี้… มีความเสน่หาที่ลึกซึ้งและลึกซึ้ง คุณเห็นไหม ที่อ้างว่าฉันแค่หลงใหลในตัวคุณตั้งแต่การสนทนาครั้งแรกของเรา ทำให้เข้าใจผิด เมื่อถึงจุดนั้น ฉันไม่แน่ใจว่าคุณจะสามารถตอบแทนความรักในลักษณะเดียวกับที่ฉันรู้ได้หรือไม่ เพียงแต่เมื่อคุณเสนอคำอวยพรจากใจให้กับพวกเราทุกคน โดยพูดว่า ‘ขอแสดงความยินดีกับความรักอันดุเดือด’ เท่านั้นเองที่สิ่งต่างๆ ธรรมดาน้อยกว่า และฉันก็เปรียบความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณกับความหลงใหลที่ประมาท”
ในช่วงเวลาแห่งการสารภาพ เดวินแสดงออกว่าตั้งแต่แซมมาถึง เขาคอยย้ำอยู่เสมอว่าแซมสามารถพูดได้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรสำคัญมาจากการสนทนาของเขา
แซมพูดต่อไปว่า ‘ดูเหมือนว่าฉันจะเติมแก้วของคนอื่นแทนที่จะเป็นแก้วของฉันเอง…’
โจนาธานยอมรับว่า “ในขณะที่ฉันอยู่ที่นี่กับแซม ก็เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจกับคำตอบ ดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินข้อมูล แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ดูเหมือนจะไม่สามารถตอบคำถามของเธอได้โดยตรง”
เจนน์สารภาพว่า “ฉันงงจริงๆ คำตอบของเขาดูไม่สมเหตุสมผลหรือจริงใจสำหรับฉัน และฉันก็อดสงสัยไม่ได้ ส่วนผู้ชายคนอื่นๆ ในห้องก็มีความโปร่งใสและจริงใจ ซึ่ง ฉันให้คุณค่าอย่างแท้จริง”
ในฐานะดีเจผู้ช่ำชองและมีประสบการณ์มาหลายปี ฉันเชื่อว่าการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในอีเว้นท์เป็นสิ่งสำคัญ และบางครั้งนั่นหมายถึงการกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างมีความหมาย ในกรณีนี้ ฉันคิดว่ามีโอกาสพิเศษที่บุคคลหนึ่งจะกระชับความสัมพันธ์กับเจนน์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และในทางกลับกัน คำแนะนำของฉันคือให้พวกเขารู้จักกันมากขึ้น เนื่องจากฉันได้สังเกตเห็นว่าพวกเขาอาจจะเป็นคู่ที่เข้ากันได้ดี เรามาเรียกเขาว่าแซมกันดีกว่า เนื่องจากดูเหมือนว่าเขาจะเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับประสบการณ์นี้
ในฐานะผู้ชื่นชมตัวยง ฉันสะท้อนคำพูดของสเปนเซอร์อย่างตื่นเต้น: “พวกเขาตัดสินใจว่าแซมคือคนที่ต้องการช่วงเวลาเพิ่มเติมกับเจนน์ ดังนั้นพวกเขาจึงให้โอกาสแก่เขา และโอ้ ช่างเป็นการปฏิบัติต่อพวกเราทุกคนจริงๆ! เราถูกดึงเข้าไปในห้องส่วนตัวเพื่อ ร่วมเป็นสักขีพยานในการโต้ตอบอันน่าหลงใหลนี้บนหน้าจอ”
เจนถามว่า ‘โอเค’ ความประทับใจแรกของคุณที่มีต่อฉันเป็นอย่างไร และมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป?
แซมกล่าวว่า ‘ขั้นตอนนี้น่าทึ่งมาก พูดตามตรง ฉันแทบไม่มาเลยหรือคิดจะมาด้วยซ้ำ แต่แล้วฉันก็รู้ว่าสถานที่แห่งนี้เปิดโอกาสให้ฉันได้พบกับภรรยาในอนาคต นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่’
ในอีกห้องหนึ่ง เดวินพูดว่า ‘เธอถามว่ามันเกี่ยวกับเธอยังไง และเขาก็กำลังพูดถึงตัวเขาเอง’
แซมเล่าว่า “แล้วฉันก็ก้าวลงจากรถลีมูซีน ฉันพบว่าตัวเองกำลังคิดว่า ‘เธอไม่ใช่คนแบบปกติของฉันเลย’ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่คาดคิดนะรู้ไหม ฉันคิดว่าสาวโสดจะเป็นเดซี่หรือมาเรีย”
แซมพูดว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณสวยและไม่มีการโต้แย้งกับสิ่งนั้น อย่างไรก็ตาม ฉันเข้าใจดีว่าความงามสามารถจางหายไปตามกาลเวลา แต่ฉันยังมีศรัทธาในการเดินทางข้างหน้า”
แซมบอกกับเธอว่า “ฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าฉันถูกกำหนดมาให้ฉันอยู่ที่นี่ ความปรารถนาของฉันคือการเป็นพ่อและสามี คุณอาจจะรู้ว่าทุกคนปรารถนาความรักที่ยั่งยืนและจริงใจ แต่สิ่งที่ทำให้คุณคิดว่าเราจะมีอนาคตที่ยอดเยี่ยม เกินกว่าที่เราทั้งคู่ปรารถนาความรักอันแรงกล้าใช่ไหม มันคือความเสียสละของคุณอย่างแท้จริง ในเมื่อฉันก็มองว่าตัวเองเป็นคนที่เสียสละมากเช่นกัน”
เขาถามว่า “ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าพเจ้าไม่เห็นแก่ตัว” โดยเขาตอบว่า “ก็คุณเป็นคนไม่เห็นแก่ตัวหรือพูดไม่จริงใจ ก็เป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง พูดตามตรง ผมเป็นคนที่เชื่อถือกระบวนการนี้อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้ว ยิ่งกว่านั้น นี่คือ ฉันรับรู้ถึงความไม่เห็นแก่ตัวของคุณอย่างไร หลังจากคืนแรกที่เราอยู่ด้วยกัน ความสัมพันธ์ที่เราแบ่งปันกันค่อนข้างรุนแรง”
ในสถานการณ์เช่นนี้ เจนน์สื่อสารถึงความรำคาญของเธอโดยพูดว่า “แซมดูเหมือนจะไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามของฉัน แต่เขากลับเสนอคำตอบที่ค่อนข้างไม่เจาะจง”
แซมย้ำกับเธอว่าเขาจริงจังกับสถานการณ์ปัจจุบันมาก
เจนน์แสดงความรู้สึกของเธอต่อแซมโดยกล่าวว่า “ฉันรู้สึกหนักใจนิดหน่อยเพราะเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ได้กองทับถมกัน ในการเดินทางครั้งนี้ ฉันต้องการความมั่นใจและความปลอดภัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา พูดตามตรงว่าฉันสงสัย … คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะขอฉันแต่งงานในตอนจบนี้ ในเมื่อ — คุณเข้าใจอย่างแท้จริงว่าฉันเป็นใคร”
แซมกล่าวอย่างจริงใจก่อนหน้านี้ว่าวิธีแสดงความรักของเขาคือการแสดงความรักใคร่ทางกาย ราวกับจะอธิบาย เขาก็โน้มตัวเข้ามาจูบเธอในขณะนั้น
ในส่วนของคำสารภาพ เจนน์แสดงความสับสนของเธอ โดยกล่าวว่า ‘ฉันไม่เข้าใจการกระทำของเขาเลย’ ฉันอยากให้เขาชี้แจงว่าทำไมเขาถึงมองว่าฉันเป็นภรรยาของเขา และพูดถึงลักษณะที่เขาชื่นชมในตัวฉันในอนาคตโดยเฉพาะ ขออภัย ฉันไม่ได้รับคำตอบใดๆ ใจเย็นๆนะคาวบอย – นี่คือคำแนะนำของฉัน: เจนน์ ดูเหมือนว่าคุณกำลังต้องการความชัดเจนในตอนนี้ บางทีอาจถึงเวลาที่จะใช้เวลาที่เหลือทั้งคืนกับเด็กๆ ในรายการ Love On Air Seattle ตอนคืนนี้ เย็นวันนี้ คุณทั้งคู่จะต้องเข้าใจกันมากขึ้น’
Jenn รวมตัวกันกับกลุ่มหลังจากออกเดทและแชร์ว่า “ฉันมีความสุขจริงๆ ที่ได้ออกไปเที่ยวกับพวกคุณทุกคนในวันนี้ ดูเหมือนว่านานมาแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เราได้พบปะกันอย่างเหมาะสมนับตั้งแต่พิธีดอกกุหลาบ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่สนุกสนานสำหรับฉันจริงๆ และฉันก็ ขอขอบคุณที่คุณทำให้ฉันรู้สึกเข้าใจในวันนี้และฉันเลือกความสัมพันธ์ที่ถูกต้องที่นี่ อย่างไรก็ตาม มีการสนทนาครั้งหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ ฉันไม่อยากทำซ้ำข้อผิดพลาดในอดีต ในคืนนี้คือบ้านเกิด เกี่ยวกับการทำให้แน่ใจว่าเราจะเสริมแผนการในอนาคตของกันและกัน”
เพื่อน ๆ เชื่อว่าคนที่ทำให้เธอเสียใจคือแซม เนื่องจากแกรนท์บอกเจนน์ว่าเขารู้สึกไม่สบายใจเพราะ “นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่เหมือนใคร มันเป็นสิ่งที่สะท้อนอยู่ในตัวฉันอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ มันมีค่าสำหรับฉัน และก็ ฉันให้ความสำคัญกับมัน ฉันอยากให้คุณเข้าใจว่าฉันกำลังพัฒนาความรู้สึกต่อคุณ ฉันเพียงอยากให้คุณรับรู้ว่าฉันกำลังตกหลุมรักคุณ และเมื่อฉันแสดงคำพูดเหล่านั้นออกไป ฉันหมายความอย่างนั้นจริงๆ”
ในการสารภาพ เจนน์เล่าว่า “คืนนี้ แกรนท์ได้ประกาศอย่างเปิดเผยถึงความรู้สึกเสน่หาของเขาที่มีต่อฉัน ซึ่งทำให้ฉันดีใจมากที่ได้รู้ว่าเขาห่วงใย การได้ยินเขาแสดงอารมณ์เหล่านี้ทำให้ฉันมีความสุขมากยิ่งขึ้น”
เจนน์พบกับโจนาธานและเล่าว่า “การปรากฏกายของคุณในวันนี้ทำให้ฉันมีความสุขมาก ยิ่งไปกว่านั้น การได้ยินความรู้สึกจริงใจของคุณที่มีต่อฉัน ควบคู่ไปกับสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่คุณพูดเกี่ยวกับฉันในวันนี้ ยิ่งทำให้ฉันมีความรักต่อคุณมากขึ้นเท่านั้น ดังที่แสดงให้เห็น ว่าวันนี้คุณเข้าใจฉันอย่างแท้จริง”
โจนาธานกล่าวว่า “วันนี้ ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้ฉันเต็มไปด้วยความสุขอันยิ่งใหญ่”
เจนนิเฟอร์เล่าว่าโจนาธานแสดงความรู้สึกลึกซึ้งต่อเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่เธอต้องได้ยิน เขานำเสนอความท้าทายสำหรับเธอในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความซับซ้อนทางอารมณ์
สเปนเซอร์เล่าให้เจนน์ฟังว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนนั้นช่างเหลือเชื่อจริงๆ! นั่นเป็นเดทที่ดีที่สุดที่ฉันเคยมี ขอบคุณที่ทำให้ฉันรู้สึกได้รับการเห็นและชื่นชม”
เจนน์เล่าว่า “ฉันยืนยันตัวเองและสังเกตความพยายามของคุณ ฉันเข้าใจว่ามันยากเพราะฉันก็เผชิญกับการต่อสู้เช่นเดียวกัน ฉันก็ไม่ยากเช่นกัน ฉันอยากให้คุณรู้ไว้ พูดง่ายๆ ก็คือคุณได้ให้ฉัน มากกว่าความสัมพันธ์อื่นๆ ที่ฉันเคยมีมาก่อน”
ในการสารภาพ เจนน์กล่าวว่า “ฉันรู้สึกว่าสเปนเซอร์เข้าใจฉันจริงๆ และเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากที่ได้อยู่ที่นี่ร่วมกับผู้ชายหลายคน คืนนี้เต็มไปด้วยช่วงเวลาที่น่าทึ่ง และฉันแทบจะรอไม่ไหวแล้ว”
เดวินบอกเจนน์ว่า ‘ฉันตั้งตาคอยที่จะได้พบกับครอบครัวของฉันจริงๆ เพราะฉันเข้าใจจริงๆ ว่าคุณเป็นใคร ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถพูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอดีตของฉันได้ ฉันมีความรู้สึกที่ดีต่อคุณและแน่ใจว่าคุณเป็นใครและคุณทำให้ฉันรู้สึกอย่างไร สิ่งเดียวที่ฉันอยากได้คือพาผู้หญิงกลับบ้านที่ฉันภูมิใจและใครจะภูมิใจในตัวฉันด้วย คุณมีคุณสมบัติทั้งสองอย่างนี้ ดังนั้น…’
เจนน์บอกเขาว่า “ฉันแค่อยากให้คุณรู้ว่าพฤติกรรมของคุณตลอดการเดินทางครั้งนี้โดนใจฉันมากเพียงใด รู้สึกเหมือนคุณเข้าใจฉันจริงๆ และนั่นไม่ใช่ความรู้สึกที่หาได้ง่าย คุณเคยบอกไปแล้วว่าคุณ” กำลังตกหลุมรักฉันอยู่ และวันนี้ฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉันก็รู้สึกแบบเดียวกัน”
Devin กล่าวว่า “ฉันสุดยอดไปเลย! เธอสารภาพกับฉันว่าเธอมีความรู้สึกต่อฉัน แค่รู้สิ่งนี้ก็ทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น และฉันก็นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีอะไรทำให้ฉันพอใจมากขึ้น”
เดวินเล่าว่า “คุณเปิดเผยตัวเองได้มากมายในช่วงเวลาสั้นๆ และฉันพบว่ามันน่าทึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังทำให้ฉันประหลาดใจทุกวันอีกด้วย”
เดวินสอบถามแซมว่าคำพูดของเธอเกี่ยวกับความรู้สึกหงุดหงิดนั้นอาจมุ่งตรงไปที่เขาหรือไม่ และแซมตอบว่าเขาไม่แน่ใจ
เจนน์แสดงความสับสนเกี่ยวกับแซม: “ฉันดูเหมือนจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเขาที่มีต่อฉันเลย และมันทำให้ฉันงุนงง เราได้แบ่งปันช่วงเวลาอันเหลือเชื่อร่วมกัน แต่ยังคงมีบางอย่างที่รู้สึกไม่สบายใจระหว่างเรา มันน่าหนักใจเพราะฉันหาหลักฐานไม่เจอ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อฉัน ซึ่งทำให้ฉันสงสัยว่าเราเชื่อมโยงกันผิดตรงไหน โดยพื้นฐานแล้ว มันน่าหงุดหงิดเพราะฉันไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ของเรา”
เจนน์บอกเขาว่า ‘ฉันต้องซื่อสัตย์กับคุณ… ฉันไม่รู้’ ฉันรู้สึกเหมือนคุณไม่เห็นฉันจริงๆวันนี้คุณไม่เข้าใจฉันจริงๆ และเคมีเข้ากันมากตั้งแต่คืนแรก แต่มีบางอย่างที่ขาดหายไป และฉันรู้สึกว่าวันนี้มันชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และฉันไม่ต้องการ — ฉันไม่ต้องการให้เรื่องนี้หลุดลอยไป เหมือนว่าฉัน กำลังดุคุณอยู่ — แต่ แบบว่า ฉันแค่ — ฉันต้องการคำตอบ และฉันจำเป็นต้องรู้ คุณรู้สึกอย่างไรและฉันต้องการ ฉันต้องการความชัดเจน’
แซมแสดงออกว่า “แท้จริงแล้ว คำที่ฉันพูดในวันนี้คือ ‘ไม่เห็นแก่ตัว’ พูดตามตรง ฉันไม่แน่ใจนัก อย่างไรก็ตาม สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่านี่คือสิ่งที่ฉันขาดหายไปจากความสัมพันธ์ในอดีต นั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเข้าใกล้สถานการณ์นี้ด้วยกรอบความคิดที่มีความหวัง โดยถามตัวเองว่า ‘ทำอย่างไร’ ฉันรู้ไหมว่าคุณคือคนนั้น? ฉันไม่รู้แน่ชัด แต่ฉันเชื่อว่าฉันมาที่นี่โดยมีจุดประสงค์”
Jenn สงสัยว่า “ฉันจะเข้ากับการเดินทางที่ไม่เหมือนใครของคุณได้อย่างไร” หรืออีกนัยหนึ่งคือ “ฉันอยากรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหนในเส้นทางที่ไม่เหมือนใครของคุณ”
“แซมแสดงออกว่า ‘ฉันรู้สึกท้าทายที่จะรู้ว่าฉันควรอยู่ที่ไหนในสถานการณ์นี้ มันเป็นความรู้สึกที่รุนแรง เกือบจะราวกับว่าฉันไม่สามารถตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ได้ ฉันแค่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกลึกๆ ในตัวฉัน’”
ในคำพูดของฉันเอง เมื่อแซมปรากฏตัวอย่างท่วมท้น ฉันรู้สึกว่าจำเป็นต้องเห็นอกเห็นใจและเข้าใจมุมมองของเขา: “ฉันรู้สึกว่ามันมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังความรู้สึกของคุณ และฉันต้องการที่จะเข้าใจมัน ดูเหมือนว่าเรามีความปรารถนาร่วมกัน แต่.. .” ซึ่งแซมก็แสดงออกว่า “เพราะฉันรักคุณ”
Sam เล่าว่า “คุณสงสัยในเหตุผลหรือเปล่า? ฉันได้ระงับความคิดบางอย่างไว้ และการแบ่งปันความคิดเหล่านั้นก็ทำให้ฉันกังวลใจอย่างไม่น่าเชื่อ ช่วงเวลานี้รู้สึกสำคัญมาก”
ในการสารภาพของเธอ เจนน์ยอมรับว่าเธอรู้สึกงุนงงและสับสน เธอสงสัยว่า “สิ่งนี้เกิดขึ้นที่ไหนในโลกนี้” ขณะที่เธอพยายามดิ้นรนเพื่อยืนยันคำพูดที่กล้าหาญเช่นนี้ ดูเหมือนไม่จริงสำหรับเธอ
เธอสื่อสารกับเขาว่า “ฉันกำลังดิ้นรนที่จะเชื่อว่าเราเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งจริงๆ ดูเหมือนยากสำหรับคุณที่จะบอกว่าบทบาทของฉันในชีวิตของคุณคืออะไร ยิ่งกว่านั้น ฉันรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่อารมณ์ แต่เป็นสิ่งที่จริงใจ เหมือนรักแท้”
Sam กล่าวว่า “เราเลี่ยงการพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ และมุ่งตรงไปที่การสนทนาที่เข้มข้นเกี่ยวกับความรักที่เร่าร้อนและมีความเสี่ยง”
เจนน์ยอมรับระหว่างสารภาพว่า “ในใจของฉัน รู้สึกราวกับว่าเรากำลังพูดคุยเรื่องเดิมซ้ำๆ เกี่ยวกับความรักอันแรงกล้า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีความลึกหรือเหตุผลอยู่เบื้องหลัง ฉันยังงุนงงเล็กน้อยและฉันเชื่อว่าเราต้องการ มีเวลามากขึ้นและมีการอภิปรายเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจมุมมองของกันและกัน สถานการณ์ปัจจุบันของเรา และเพื่อให้ความคิดของเราสอดคล้องกัน”
เจนนิเฟอร์กลับมาและแจ้งให้กลุ่มทราบว่าจะไม่มีวันออกเดทกลุ่มเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ เธอแสดงความกระตือรือร้นในตอนแรกที่จะได้พบกับครอบครัวของแซม แต่ตอนนี้เธอรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
วันรุ่งขึ้น แซมแสดงความรู้สึกโดยบอกว่าเขารักเธอและยืนยันกับเธอถึงความซื่อสัตย์ของเขา ก่อนที่เจนน์จะออกเดทกับเจเรมีเป็นรายบุคคล
เธอสารภาพว่าการใช้เวลาเดตตัวต่อตัวกับเจเรมีนั้นเผยให้เห็นอย่างเหลือเชื่อ และทำให้เธอมองโลกในแง่ดี อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสที่การออกเดตอาจไม่เป็นไปด้วยดี และหากเป็นเช่นนั้น เธอจะไม่เห็นอนาคตของตัวเองกับเจเรมีเมื่อสิ้นสุดวัน
พวกเขาไปเยี่ยมชม Pike’s Place Market ซึ่งเจนน์สารภาพอย่างเปิดเผยถึงความกังวลของเธอ และเห็นได้ชัดว่าพวกเขา (เจนน์และเจเรมี) แสดงอารมณ์ช้ากว่าคนอื่นๆ
ในฐานะผู้ชื่นชมตัวยง ฉันรู้สึกถูกบังคับให้ประดิษฐ์ช่อดอกไม้แสนสวยให้เธอ ดังที่ Jeremy แนะนำ เขาปรารถนาที่จะยกระดับอารมณ์ของเธอและทำให้เธอมีจิตใจสูง ทำให้สำหรับฉันที่จะสร้างท่าทางแสดงความรักนี้มีความหมายมากขึ้น
ในการสารภาพ เจเรมีแสดงความปรารถนาที่จะให้ผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยได้พบกับครอบครัวของเขา เขาเชื่อว่าพวกเขาจะเข้ากันได้อย่างมหัศจรรย์และแบ่งปันความรักซึ่งกันและกัน นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เขาชื่นชมทุกนาทีที่ใช้กับเธอและทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อทำให้เธอมีความสุข
เขายอมรับว่าเขาสนุกกับการอยู่กับเธออย่างแท้จริงและมีช่วงเวลาที่ดีด้วยกันเสมอ แต่เขาก็รู้สึกกดดันเนื่องจากคนอื่นก้าวหน้าเร็วกว่า ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพรรณนาถึงวันที่กำลังจะมาถึงว่ามีนัยสำคัญ
ในฐานะผู้ภักดี ฉันได้รับการประเมินเรื่องความรัก ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉัน ซึ่งนำฉันไปสู่การเดินทางที่ไม่คาดคิด นอกจากนี้ ฉันขอคำแนะนำจากไก่ผู้มีญาณทิพย์ ซึ่งเพิ่มความแปลกประหลาดให้กับการสำรวจ
พวกเขาไปอ่านลายมือดู และเธอก็เริ่มคาดเดาอย่างน่าประหลาดใจ เช่น เจเรมีกลายเป็นมือกลองและได้รับสถานะสายดำ
พวกเขาแวะที่ Gum Wall อันโด่งดังของซีแอตเทิล ซึ่งเขาตัดสินใจจะสัมผัสมัน เธอแนะนำให้ต่อต้านมันและล้อเลียนเขาว่าเป็นเรื่องผิดปกติ
พวกเขาไปจับปลาที่ตลาด Pike’s Place อันโด่งดัง และได้รับเสียงเชียร์จากฝูงชน
เจนน์สารภาพว่า ‘ฉันพบว่าอนาคตที่มีเจเรมีน่าดึงดูดใจอย่างไม่น่าเชื่อ เราจะแบ่งปันเสียงหัวเราะนับไม่ถ้วน และมันรู้สึกไม่ลำบากเลยเพราะฉันสามารถเป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่กับเขาได้ตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ในความสัมพันธ์อื่นๆ มากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังรู้สึกว่าเขามีคุณค่าอย่างแท้จริงอีกด้วย’
ขณะที่เจเรมีถามถึงค่ำคืนของเธอ เธอตอบว่ามันค่อนข้างน่าสนใจสำหรับเธอ เธอรู้สึกว่าทั้งวันเป็นไปด้วยดี และมีช่วงสั้นๆ ของความสับสนและความรำคาญด้วยซ้ำ
เจนน์เล่าว่าวันนี้สนุกสนานเป็นพิเศษเมื่อเธอได้พบกับความสุขและเสียงหัวเราะร่วมกับเจเรมี อย่างไรก็ตาม เธอกล่าวว่า ‘บ้านเกิด’ ที่กำลังจะมาถึงคือสัปดาห์หน้า และเพื่อแจกดอกกุหลาบในคืนนี้ เธอต้องแน่ใจว่าพวกเขามีความผูกพันทางอารมณ์คล้ายกับที่เธอมีกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ที่นี่ โดยพื้นฐานแล้ว วันนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตัดสินใจของเธอ
ในฐานะคนที่ใช้เวลานับไม่ถ้วนในการสำรวจโลกและสัมผัสกับวัฒนธรรมที่แตกต่าง ฉันต้องบอกว่ามีบางสิ่งที่พิเศษพอๆ กับวันพิเศษอย่างแท้จริงกับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว เป็นเช่นนั้นเมื่อฉันใช้เวลาหนึ่งวันที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แบ่งปันเรื่องราว และช่วงเวลาที่น่าจดจำ อันที่จริง เป็นเรื่องน่าทึ่งมากที่แม้แต่คำว่า “ขอบคุณ” ธรรมดาๆ ก็ดูไม่เพียงพอที่จะแสดงความขอบคุณได้ เพื่อนของฉันสะท้อนความรู้สึกนี้ออกมาอย่างไพเราะว่า “ฉันแค่อยากจะขอบคุณสำหรับวันที่แสนวิเศษ ซึ่งฉันเดาว่ามันคงเป็นคำอวยพรในตัวเอง ดังนั้น ขอบคุณสำหรับวันที่แสนวิเศษ” ไม่ใช่ทุกวันที่เราได้พบกับการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างบริษัทดีๆ และประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นฉันรู้สึกโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสเพลิดเพลินไปกับวันดังกล่าว
เจนน์เล่าว่าก่อนเดินทางเยี่ยมบ้านเกิดในสัปดาห์หน้า เธอต้องการให้ทุกคนที่เธอแนะนำตระหนักดีว่าเธอเป็นใครและต้องการอะไร และสำหรับเธอและเจเรมีในการแบ่งปันมุมมองที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ครอบครัว และความรัก เธอหวังว่าพวกเขาจะสามารถเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งได้ เจนน์จึงถามว่าเป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจะมีทัศนคติแบบเดียวกัน และเขาจะให้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นเพื่อรับบ้านเกิดในคืนนั้นได้หรือไม่
Jeremy เล่าว่า “ฉันไม่แน่ใจเกี่ยวกับแผนการของเรา แต่เมื่อมองย้อนกลับไป มันกลับกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์เพราะรู้สึกเหมือนเป็นวันธรรมดาสำหรับฉัน วันนี้ฉันรู้สึกเชื่อมโยงกับคุณอย่างไม่น่าเชื่อ การผจญภัยของเราด้วยกันช่างน่ายินดี”
เจนน์เล่าว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามีลักษณะพิเศษคือการร่วมหัวเราะและช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน เนื่องจากเธอรู้สึกว่าเธอดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคุณออกมามากกว่าใครๆ อย่างไรก็ตาม เธอยังกล่าวถึงความปรารถนาที่จะเจาะลึกในหัวข้อที่จริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าจะมีการเยี่ยมบ้านเกิดในสัปดาห์หน้า เธอเน้นย้ำว่าการพบปะกับครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ และเธอต้องการถามคำถามที่จริงจังกว่านี้เกี่ยวกับสิ่งที่ดึงดูดคนเหล่านี้เข้าหาเธอ โดยพื้นฐานแล้ว เธอกำลังตั้งคำถามว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกเธอ และอนาคตของพวกเขาจะสอดคล้องกับความมุ่งมั่นในระยะยาวได้อย่างไร
เจเรมีกล่าวว่า “ท้ายที่สุดแล้ว มันคือการค้นหาใครสักคนที่ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ นำมาซึ่งความสุขและเสียงหัวเราะ ในเวลานี้ คนๆ นั้นก็คือคุณ ฉันสนุกกับการอยู่เคียงข้างคุณอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ฉันยังมองหาใครสักคนที่เลี้ยงดูมาเหมือนแม่ของฉันเสมอ เธอทุ่มเทให้กับคนที่เธอห่วงใย… อย่างที่คุณบอก เธอเป็นหนึ่งในคนที่ใจดีที่สุดที่ฉันรู้จัก บางครั้งเธอก็ทำผิดจนเกินควร แต่ฉันยอมปล่อยไป เธอรู้ดีว่าเธอกังวลมากเกินไป คุณสามารถพูดได้ว่าเธอเป็นเหมือนแม่ชาวยิวมาก”
เจนนี่บอกว่าแม่ของเธอมีลักษณะนิสัยคล้ายกัน เธอสามารถควบคุมได้มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้หงุดหงิดได้ แต่เป็นที่แน่ชัดสำหรับเธอว่าพฤติกรรมนี้เกิดจากความรัก ดังนั้นเธอจึงเข้าใจความท้าทาย
เจเรมีกล่าวว่า “หากคุณได้พบกับเธอ ฉันหวังว่าคุณจะเจอเธอจริงๆ เธอจะเป็นหนึ่งในบุคคลที่ใจดีที่สุดเท่าที่คุณเคยเจอมาอย่างไม่ต้องสงสัย”
เขาเล่าว่าก่อนหน้านี้เขาเคยแนะนำเด็กผู้หญิงสองคนให้รู้จักกับพ่อแม่ของเขา และพูดถึงเรื่องตลกที่แม่ของเขาทำเกี่ยวกับการที่เขาแต่งงานกับชาวยิว อย่างไรก็ตาม แฟนเก่าของเขาทั้งสองคนเป็นคาทอลิก และเธอก็ชื่นชมพวกเขาทั้งสองคน การเป็นชาวยิวและวัฒนธรรมมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้คาดหวังหรือต้องการให้เธอเปลี่ยนใจเลื่อมใส แต่เขาแสดงความปรารถนาที่จะมีลูกในสักวันหนึ่งและเชื่อว่าการรักษาเอกลักษณ์ของชาวยิวเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อพิจารณาจากประวัติของชาวยิวและภูมิหลังครอบครัวของเขา นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าปู่ของคุณยายของเขาเป็นแรบไบที่มีชื่อเสียงในลิทัวเนียซึ่งเสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้มรดกด้านนี้ของเขามีความสำคัญต่อเขาเป็นพิเศษ สุดท้ายนี้ เขาถามว่าเธอจะเปิดใจพิจารณาประเด็นนี้ในอนาคตหรือไม่
ในไมอามี เจนน์มีเพื่อนชาวยิวหลายคนที่เธอฉลองแชบแบทด้วย แบ่งปันอาหาร พูด ‘แชบแบทชาลอม’ และพบว่ามันสนุกดี เธออธิบายว่าตัวเองเปิดกว้างต่อประสบการณ์ต่างๆ แต่ยังระบุว่าเป็นชาวพุทธ ครอบครัวของเธอมักจะไปวัดในช่วงวันหยุดสำคัญๆ ซึ่งมีความหมายสำหรับเธอและเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากละทิ้ง นอกจากนี้ เจนน์อยากให้แม่ของเธอแบ่งปันคำสอนทางศาสนาเหล่านี้กับลูกๆ ในอนาคต
เจเรมีกล่าวว่า “หากฉันกำลังมองหาความเปิดกว้างของคุณสำหรับบางสิ่งบางอย่าง นั่นหมายความว่าฉันก็เปิดกว้างพอๆ กันเช่นกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่มีร่วมกันและความผูกพันในครอบครัวมากกว่า… – ใช่ ฉันเข้าใจเรื่องนั้นอย่างสมบูรณ์แบบ – …ซึ่งฉันสามารถ เห็นโดนใจคุณเช่นกัน ดังนั้น…”
เจนน์กล่าวว่า “เจเรมีเข้าใจและยอมรับฉันอย่างแท้จริง การผสมผสานสองวัฒนธรรมที่แตกต่างกันเข้าด้วยกันไม่ใช่กระบวนการที่ราบรื่นเสมอไป แต่ฉันกับเจเรมีพูดคุยเรื่องความศรัทธาและศาสนาบ่อยครั้ง การฟังเขาแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับลูกๆ ครอบครัว ประเพณีทำให้ฉันมั่นใจว่าที่นั่น ความเข้าใจนี้ทำให้ฉันมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของเราด้วยกัน”
เจนน์หยิบดอกกุหลาบขึ้นมาแล้วเล่าว่า ‘ฉันต้องยอมรับว่าเมื่อมาถึงวันนี้ ฉันรู้สึกว่าเราน่าจะสนุกด้วยกันได้ และระดับความสะดวกสบายของเราก็ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ฉันอยากรู้ว่าอาจมีอะไรมากกว่านี้ระหว่างเราหรือไม่ เราได้พูดคุยถึงแง่มุมต่างๆ ของตัวเองและแรงบันดาลใจของเราในอนาคต และดูเหมือนว่าเราจะมีเป้าหมายร่วมกันหลายประการ จริงๆ แล้ว การที่คุณชมครอบครัวบ่อยๆ ทำให้ฉันเกิดความอยากรู้อยากเห็น และฉันแทบรอไม่ไหวที่จะพบกับ… ครอบครัวขยายของคุณ’ ขณะที่ทั้งสองหัวเราะเบา ๆ
เมื่อถามเกี่ยวกับแรงบันดาลใจร่วมกันของเรา เธอจึงถามอย่างอ่อนโยนว่า “คุณทั้งคู่สนใจไหมที่เราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของกันและกัน” เจเรมีตอบอย่างกระตือรือร้นว่า “ฉันแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะนำเสนอคุณต่อหน้าฉัน ฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะชอบคุณมากขึ้น” ขณะที่เขารับช่อดอกไม้ของเธออย่างสง่างาม
ในการสนทนาวันนี้ เจเรมีเล่าว่าเขาและเจนน์มีมุมมองชีวิตที่คล้ายกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความสัมพันธ์และครอบครัว เขาแสดงให้เห็นว่ามุมมองของพวกเขาสอดคล้องกันอย่างน่าทึ่ง และหลังจากการพูดคุยในคืนนี้ เขาก็มองเห็นอนาคตร่วมกับเจนน์ และเสริมว่าเขาไม่อาจพอใจไปกว่านี้อีกแล้ว
เจนน์แสดงความกระตือรือร้น โดยอธิบายว่า ‘ครอบครัว’ ในภาษาฮีบรูคือ มิชปาชาห์ และเธออยากพบกับครอบครัวของเขา คุณตื่นเต้นเหมือนกันหรือเปล่า? – ตื่นเต้นสุดๆ คุณก็เหมือนกันใช่ไหม? – ยอดเยี่ยม. คืนนี้กับเจเรมี ฉันได้เห็นด้านที่ไม่คาดคิดของเขาที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาทิ้งฉันไว้ด้วยความตกตะลึง เขาเป็นคนที่ฉันสามารถเพลิดเพลินด้วยและแบ่งปันความผูกพันทางอารมณ์ที่แน่นแฟ้นด้วย และสิ่งที่เรามีร่วมกันคือสิ่งที่ฉันค้นหาและรู้ว่าฉันสมควรได้รับ
ก่อนพิธีมอบดอกกุหลาบ เจนน์กล่าวว่า “ฉันมีดอกกุหลาบอินทผลัมที่บ้านเกิดเหลือเพียงสองดอกเท่านั้น ดังนั้นทางเลือกของฉันจึงสำคัญมาก ปัญหาเร่งด่วนที่สุดในคืนนี้คือแซม ฉันพบว่าเขามีเสน่ห์ และสัมผัสได้ถึงศักยภาพกับเขา การโต้ตอบของเราในช่วงแรก ค่ำคืนนี้ช่างแสนดีจริงๆ และเขาก็ได้รับความประทับใจครั้งแรกของฉัน ฉันตื่นเต้นมากกับการเดินทางของเราด้วยกันหลังจากนั้น ฉันรู้สึกมั่นใจว่าเราจะได้พบครอบครัวของเขาเพราะความผูกพันอันทรงพลังของเรา แต่ระหว่างการออกเดททางวิทยุ ฉันคาดหวังที่จะค้นพบมากขึ้นว่าแซมรู้สึกอย่างไรต่อฉัน แต่เขาไม่สามารถพูดถึงสิ่งหนึ่งได้แม้แต่คำคุณศัพท์หรือเรื่องราวเดียวเท่านั้น เขาแค่โพล่งออกมาว่าเขารักฉัน มันทำให้ฉันงุนงงและต้องการ คำตอบ บางทีอาจมีบางอย่างที่ฉันมองข้ามไป ความสัมพันธ์ของฉันกับแซมนั้นลึกซึ้ง หากเราสามารถเอาชนะอุปสรรคร่วมกันได้ ดูเหมือนว่าเราอาจจะเอาชนะอะไรก็ได้ และฉันก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องคุยกับแซมและไขปริศนานี้ ฉันจะทำสิ่งนั้นทันทีก่อนพิธีกุหลาบ”
เจนนิเฟอร์เข้าไปหาแซมเพื่อสนทนาโดยไม่คาดคิด ทำให้คนอื่นๆ ไม่ทันระวังเนื่องจากพวกเขาไม่คาดคิดว่าเธอจะมาถึง แต่ในที่สุด เธอก็ตามหาเขาเจอ
เธอถามถึงอารมณ์ของเขา ซึ่งเขายอมรับว่าเขา “หวาดกลัว” เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “ผมพยายามที่จะรักษาสมดุลอันละเอียดอ่อนระหว่างการเปิดเผยตัวเองและการปกป้องความรู้สึกของตัวเองไปพร้อมๆ กัน อย่างไรก็ตาม วิธีเดียวที่ผมจะเข้าใจก็คือการเสี่ยงต่อความรักอีกครั้ง”
เจนน์ชี้แจงว่า “เอาล่ะ ฉันรู้สึกงงนิดหน่อย พูดตามตรง ฉันไม่ได้คาดหวังให้คุณบอกเป็นนัยว่า ‘ฉันไม่ได้หมายความว่าฉันรักคุณจริงๆ’ อะไรประมาณนั้น…”
แซม เล่าว่า “ผมไม่ได้พูดในสิ่งที่ตั้งใจ ขอชี้แจงนะครับ เวลาพูดถึงความรักผมหมายถึงว่าเป็นการกระทำที่ไม่เห็นแก่ตัว ความรักคือการยอมเสียสละบางอย่างเพื่อคนอื่น คือการรับฟังและเข้าใจคนที่จริงใจ อยู่ตรงหน้าคุณ และคอยตรวจสอบพวกเขาอยู่เสมอไม่ว่าพวกเขาต้องการอะไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขารู้สึกเหมือนพวกเขาเป็นคนเดียวในโลกสำหรับฉัน”
เจนน์ยอมรับว่า ‘คุณกำลังพูดสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด และฉันแค่… มันยากสำหรับฉันที่จะเชื่อคุณ’
ในการสารภาพ เธอยอมรับว่า ‘สิ่งที่แซมพูดฟังดูไม่จริงใจสำหรับฉัน ฉันกังวลว่าเขาอาจจะพูดบางอย่างเพื่อให้ฉันพอใจ และฉันก็พบว่ามันยากที่จะเชื่อใจเขาเมื่อเขาอ้างว่าเป็นอย่างอื่น’
แซมสารภาพว่า “การแสดงความรู้สึกผ่านคำพูดไม่ใช่จุดแข็งของฉัน มันเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับฉันในขณะนี้ ฉันพยายามหาคำพูดที่สื่อถึงความรักอันลึกซึ้งของฉันอย่างแท้จริง เพราะทุกสิ่งที่ฉันพูดดูเหมือนจะลดความรู้สึกที่แท้จริงของฉันลง เมื่อเราเข้าใกล้การเยี่ยมบ้านเกิด จะเห็นได้ชัดจากวิธีที่ฉันมีส่วนร่วมกับครอบครัวและเพื่อนๆ โดยไม่ต้องระบุอย่างชัดเจน”
ในการสารภาพ เจนน์แสดงความสับสนของเธอ โดยกล่าวว่า “ฉันงงจริงๆ เขาบอกฉันเสมอว่าเขาจะแสดงความรักเมื่ออยู่กับเพื่อนและครอบครัว ฉันเข้าใจว่าเขาเห็นคุณค่าของพวกมัน แต่มันไม่ได้พิสูจน์ว่าเขารู้สึกอย่างไร เช่นเดียวกันสำหรับฉัน ในเวลานี้ ฉันต้องการให้เขาเห็นฉัน เข้าใจฉัน และฟังฉัน ฉันเชื่อว่ามีบางอย่างที่พิเศษระหว่างเราและฉันต้องการให้ความสัมพันธ์ของเราประสบความสำเร็จ ใครดูจะมีความผูกพันกับข้ามากจนไม่รู้จักข้าเป็นการตอบแทน?”
เขาพูดกับเธอว่า ‘ฉันสามารถพูดคุยถึงความรักอันลึกซึ้งของคุณต่อความรักและความปรารถนาของคุณที่มีต่อครอบครัวได้ แง่มุมทั้งหมดนี้ที่โดนใจฉัน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องยอมรับว่ามีบุคคลอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับคุณ ฉันเคยเจอคนแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนคุณคาดหวังให้ฉันให้คำตอบคำพูดเมื่อฉันมองคุณ มันรู้สึกเหมือน… ฉันรู้สึกราวกับว่า…’
Jenn พูดว่า ‘นั่นไม่ใช่ — นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันกำลังพูด นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันพูด
แซมสารภาพว่า ‘ให้ฉันแบ่งปันประสบการณ์ของฉันเถอะ’ ฉันลงจากรถลีมูซีน ออร่าของคุณทำให้ความวิตกกังวลของฉันสงบลง มีความผูกพันทางอารมณ์ที่ชัดเจนระหว่างเรา”
เจนน์เล่าว่า “นั่นเป็นเพียงพลังงาน ฉันสงสัยว่ามันเทียบเท่ากับความผูกพันทางอารมณ์” และแซมตอบว่า “เรื่องราวนั้นปลุกเร้าความรู้สึกอันแรงกล้าในตัวฉัน มันไม่ใช่แค่การอวยพรให้กับความรักอันดุเดือดเท่านั้น แต่ยังสะท้อนอย่างลึกซึ้ง”
เจนน์เล่าว่า “ฉันไม่ได้กำลังค้นหาพิมพ์เขียว ความรักไม่ใช่สิ่งที่เขียนออกมา แต่เป็นความเข้าใจใครสักคนอย่างลึกซึ้ง… และความเข้าใจนั้นเขียนไว้ไม่ได้” แซมตอบว่า “มันไม่เหมือนกับการทำตามบท การรู้ว่าคนที่คุณใช้ชีวิตด้วยนั้นไม่สามารถถูกแทนที่ได้ และมีหลายวันที่คุณไม่สามารถจินตนาการได้หากไม่มีพวกเขา”
เจนน์ยอมรับว่า “ฉันรู้สึกสับสนอีกครั้ง พูดตามตรง เรื่องนี้ไม่ได้ผลเลย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจฉัน ปฏิเสธที่จะฟัง ไม่ขอความคิดเห็นจากฉัน และรู้สึกเหมือน — ฉัน ‘ไม่ได้สัมผัสถึงความเสน่หา”
แซมเล่าให้เธอฟังว่า “บทสนทนาครั้งที่สองที่เรามีคือระหว่างพิธีมอบดอกกุหลาบครั้งต่อไป ฉันหายใจเข้าลึกๆ ในขณะนั้น รู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งหลังจากกระบวนการกำจัด สิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนไปสำหรับฉันอย่างแท้จริง รู้สึกเหมือนคุณกำลังเติมเต็มถังอารมณ์ของฉัน
ในช่วงเวลาแห่งความตรงไปตรงมา เจนน์ถามว่า “นั่นหมายถึงอะไรในโลกนี้” จากนั้น แซมแสดงความคิดเห็นว่า “และมันนำเราไปสู่การสนทนาส่วนตัวของเรา” ทำให้เจนน์สงสัยว่า “เย็นวันนั้นคุณรวบรวมข้อมูลเชิงลึกอะไรบ้างเกี่ยวกับฉัน”
ในสำนวนที่แตกต่างกัน: แซมกล่าวถึงการค้นพบความปรารถนาของคุณสำหรับความรักที่ลึกซึ้งและนิรันดร์ จากนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจนน์จึงถามว่า “เย็นวันนั้นคุณรู้อะไรเกี่ยวกับฉันอีกไหม”
แซมพูดว่า ‘ก่อนอื่น… คุณไม่รู้หรอกว่าฉันชื่นชมคุณมากแค่ไหน และตอนนี้ฉันเห็นมันแล้ว ฉันรักคุณ.’
เจนน์สารภาพว่า “การรักใครสักคนอย่างแท้จริงคือการเข้าใจพวกเขาอย่างถ่องแท้ หากเขาต้องต่อสู้เพื่อความรักและความสัมพันธ์นี้ แล้วความรักนั้นมีไว้สำหรับใครกันแน่ ความจริงแล้ว ฉันสามารถเป็นใครก็ได้ในเวลานี้ และนั่นจะไม่ทำให้ ความแตกต่าง”
แซมแสดงความเชื่อมั่นว่าไม่มีใครเลือกคนที่ตนตกหลุมรักได้ เขาชี้ให้เห็นว่าเธอดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเขาออกมาเสมอทั้งๆ ที่เขาเองก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ เจนน์จึงขอเวลาตามลำพังโดยพูดว่า ‘ฉันขอเวลาสักครู่’ ก่อนออกจากห้อง
ในช่วงเวลาแห่งความซื่อสัตย์ ฉันสารภาพว่าฉันสับสน คำพูดยังคงไหลลื่น แต่ดูเหมือนพวกมันจะหลบเลี่ยงความเข้าใจของฉัน ฉันรู้สึกถึงความรำคาญ ความคับข้องใจ และการเลิกจ้างปะปนกัน รู้สึกเหมือนเขาไม่รับรู้ความรู้สึกหรือมุมมองของฉัน แต่เขายังคงพูดต่อโดยไม่หยุดฟังความคิดหรือความคิดเห็นของฉัน
หนุ่มๆ คนอื่นๆ พยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ในขณะที่เจนน์กลับมาหาแซม โดยแสดงความรู้สึกว่า “ฉันเชื่อว่าสัปดาห์นี้คงทำให้เราทั้งคู่งง การเดินทางของเราด้วยกันนั้นซับซ้อนและน่างงงวยตั้งแต่เริ่มต้น แต่ก็มีอะไรมากมาย มีศักยภาพ ฉันต้องการให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นระหว่างเราและเพื่อให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นจริง อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกว่าเราขาดการเชื่อมต่อ และวันนี้ ฉันอยากจะแสดงความรู้สึกของฉันเกี่ยวกับทุกสิ่ง แต่ดูเหมือนว่าคุณไม่ได้ถามฉัน ฉันต้องการจากคุณ และความสับสนนี้ก็ยิ่งลึกซึ้งยิ่งขึ้น”
ดูเหมือนคุณคาดหวังคำตอบหรือคำตอบสำหรับคำถามนี้ของฉัน
เจนน์เล่าว่า “แทนที่จะแค่พูดว่า ‘ฉันรักคุณ’ ลองแบ่งปันสิ่งต่างๆ อีกนับร้อยสิ่งที่คุณชื่นชม ชื่นชม หรืออยากรู้เกี่ยวกับบุคคลนั้น ด้วยวิธีนี้ การแสดงความรักของคุณจะลึกซึ้งและมีความหมายมากขึ้น”
Sam แสดงออกว่า “จริง ๆ แล้ว ตามที่ฉันได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ประสบการณ์ทั้งหมดของฉันจนถึงตอนนี้” ซึ่ง Jenn แทรกแซงว่า “นั่นเกี่ยวข้องกับคุณ อีกครั้งหนึ่งที่ฉันพบว่ามันยากที่จะสนทนาต่อ มันท้าทายสำหรับฉันที่จะอยู่ที่นี่กับใครสักคนต่อไป ที่อ้างว่ารักฉันแต่ดูเหมือนไม่สนใจที่จะรู้จักฉันอย่างแท้จริง เข้าใจฉัน และเห็นคุณค่าความเป็นตัวฉันเอง”
แซมเล่าว่า ‘ทุกสิ่งที่ฉันแบ่งปันกับคุณ ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงเลย’ เธออธิบายเพิ่มเติมว่า ‘ฉันได้ยินคุณ แต่ฉันรู้สึกว่าคำพูดของคุณไม่ค่อยมีความสำคัญต่อคุณในเวลานั้น เช่น เมื่อคุณบอกฉันว่าคุณรักฉัน ฉันรู้สึกเข้าใจผิดและไม่มีใครรู้จักฉัน ดูเหมือนคุณจะไม่รู้หรือเข้าใจคุณค่าของฉัน และราวกับว่านี่เป็นการซ้ำรอยของความสัมพันธ์ในอดีต ฉันใช้เวลามากมายในการพยายามสอนผู้คนเกี่ยวกับความรักและการเห็นคุณค่าของฉัน นี่คือสิ่งที่ฉันคิดว่าฉันได้ก้าวต่อไปแล้ว ฉันทำเสร็จแล้ว
เธอกอดเขาแล้วรีบออกจากห้องไปขณะที่แซมเริ่มเก็บข้าวของ
‘แน่นอนว่ามันน่าผิดหวัง พูดตามตรง ฉันไม่ได้คาดหวังที่จะจากไปในวันนี้ คุณเข้าใจใช่ไหม? มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันหวังไว้ ความรู้สึกที่เธอมอบให้นั้นขาดความสดใส มันไม่ใช่ปัญหาของฉันเลย นี่คือสิ่งที่ฉันเชื่ออย่างยิ่ง ในท้ายที่สุด สิ่งต่างๆ ก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่ ฉันมักจะจัดลำดับความสำคัญของสิ่งสำคัญเสมอ และสำหรับฉัน นั่นคือการค้นหาคู่รักที่รักเพื่อแบ่งปันชีวิตของฉันด้วย’
เจนน์แสดงความรู้สึกของเธอขณะที่เธอสรุปว่าความสัมพันธ์กับแซมไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความสัมพันธ์ทางกายมากกว่า เธอแสดงความผิดหวังในตัวเองที่ตัดสินสถานการณ์ผิด และอธิบายว่าแซมล้มเหลวในการเข้าใจเธออย่างแท้จริงหรือเชื่อมโยงกับเธอในระดับอารมณ์ เธอชี้แจงว่าการตระหนักรู้นี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการเติบโตส่วนบุคคลของเธอ เนื่องจากตอนนี้เธอตระหนักถึงคุณค่าของตนเองและสิ่งที่เธอสมควรได้รับ เจนน์กล่าวเน้นย้ำว่าเธอไม่สนใจที่จะสานต่อสิ่งใดร่วมกับแซมอีกต่อไป หลังจากที่ได้ประสบกับช่วงชีวิตนั้นแล้วและเดินหน้าต่อไป โดยพื้นฐานแล้ว เธอเชื่อว่าความรักควรให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อื่น ซึ่งการกระทำของแซมไม่ได้สะท้อนให้เห็น
ขณะที่ผู้เข้าแข่งขันหกคนสุดท้ายเตรียมตัวสำหรับพิธีดอกกุหลาบ โจนาธานสารภาพว่าพวกเขาไม่คาดคิดว่าจะจากไปของแซม
บ้านเกิดยังคงต้องมอบดอกกุหลาบเพียงสองดอกเท่านั้น และน่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าผู้เข้าแข่งขันสองคนมีความเสี่ยงที่จะถูกส่งกลับบ้าน ดังที่สเปนเซอร์แสดงออกว่าการไม่ได้รับเลือกก็เหมือนกับมีดแทงใจเขา
เธอมอบดอกกุหลาบให้ Devin และ Jonathon โดยส่ง Grant และ Spencer กลับบ้านก่อนสัปดาห์บ้านเกิด
พูดง่ายๆ ก็คือ Grant กำลังพูดว่า “ตอนนี้ฉันรู้สึกอึดอัดมาก เจนน์น่าทึ่งจริงๆ และฉันสารภาพความรู้สึกของฉันกับเธอ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้สะท้อนอย่างลึกซึ้งเท่าที่ฉันหวังไว้”
เขาแสดงออกว่า “มันยากที่จะตระหนักว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับใครบางคน แต่พวกเขาไม่ตอบสนองความรู้สึกเหล่านั้นใช่ไหม? – เข้าใจแล้ว. แกรนท์: สิ่งที่ฉันต้องการอย่างแท้จริงคือครอบครัว ฉันอยากสัมผัสถึงความสุข ฉันโหยหาคู่ครอง ฉันโหยหาความรู้สึกของการมีความรัก ฉันปรารถนาความเชื่อมโยงนั้น และหวังว่าจะได้รับการอุทิศตนแบบเดียวกันเป็นการตอบแทน ฉันสูญเสียคำพูด ฉันไม่ได้คาดหวังว่าการสนทนานี้จะนำไปสู่คืนนี้
สเปนเซอร์เล่าว่า “เจนเป็นผู้หญิงคนแรกที่ฉันเจอนับตั้งแต่แยกทางกันครั้งล่าสุด ซึ่งฉันรู้สึกว่าอาจนำพาฉันไปสู่การหมั้นหมายได้ การละทิ้งโอกาสนั้นมันเจ็บปวด ดูเหมือนว่าทุกครั้งสิ่งต่าง ๆ จะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ฉันอยู่ที่ การสูญเสียเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับมัน”
เขาโทรหาแม่ของเขาและบอกเธอว่าเขากำลังจะกลับบ้านพร้อมกับหนุ่มโสดอีกสี่คนที่เหลือ ได้แก่ เดวิน โจนาธาน มาร์คัส และเจเรมี อวยพรให้กับ ‘อนาคตของเรา เพื่อพบกับคนที่คุณรัก สู่บ้านเกิด’ เมื่อตอนนี้มาถึงตอนจบ
Sorry. No data so far.
2024-08-13 09:15