บทวิจารณ์ ‘Seeds’: ใช้เวลาสร้างนานถึงเก้าปี เป็นภาพยนตร์ที่อดทนและพากเพียรไม่แพ้เกษตรกรผิวสี

“Seeds” เป็นภาพสะท้อนอันอ่อนโยนและจริงใจของชาวนาผิวสีในภาคใต้ของสหรัฐอเมริกาที่ผสมผสานทั้งความสุขและความเศร้าเข้าด้วยกัน วิถีชีวิตการทำฟาร์มแบบดั้งเดิมต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่สำหรับชาวนาผิวสีแล้ว ความผูกพันของพวกเขาที่มีต่อผืนดิน การอนุรักษ์และดูแลผืนดินนั้นทำให้รู้สึกถึงความเปราะบางและคุณค่าเพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณาจากการกัดกร่อนสิทธิพลเมืองอย่างรวดเร็วที่เราได้เห็นเมื่อเร็วๆ นี้ ภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกของ Brittany Shyne ซึ่งได้รับรางวัลสารคดีสหรัฐฯ จากเทศกาลภาพยนตร์ Sundance จึงมีโทนความเศร้าโศก

ผู้สร้างภาพยนตร์ไม่ได้มีเป้าหมายในการไว้อาลัย แต่เธอใช้ความพากเพียรของชาวนาที่หว่านเมล็ดพันธุ์เป็นแนวทางในการถ่ายทำภาพยนตร์ เธอใช้เวลาถ่ายทำนานถึงสองชั่วโมงเพื่อให้ชีวิตของพวกเขาดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ เธอถ่ายทำภาพยนตร์มาเป็นเวลาเก้าปี โดยเก็บภาพทั้งงานหนักของครอบครัวชาวนาและพลวัตของชุมชนของพวกเขาเอาไว้ แม้ว่าครอบครัวเหล่านี้จะต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองที่เร่งด่วน แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เน้นความหวือหวา ผู้สร้างภาพยนตร์กลับเน้นที่ความธรรมดา กิจวัตรประจำวัน และวัฏจักร ภาพยนตร์ขาวดำเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้คนได้อย่างซาบซึ้งใจและสะเทือนอารมณ์

ในฐานะผู้ชื่นชอบภาพยนตร์ ฉันขออธิบายใหม่ว่า “ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Seeds’ ฉันพบว่าตัวเองกำลังเดินทางไปโบสถ์เพื่อร่วมพิธีอำลากับผู้สูงอายุคนหนึ่ง ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยขบวนแห่ศพ ซึ่งเป็นการกำหนดจังหวะของชีวิตครอบครัวและชุมชน ซึ่งคล้ายกับภูมิปัญญาที่คลารา วิลเลียมส์แบ่งปันในรถกับหลานสาวของเธอเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางสุดท้ายของร่างที่ถูกเคลื่อนย้ายด้วยรถบรรทุกศพที่นำทาง”

คลาร่าและญาติของเธอเป็นเจ้าของที่ดินผืนหนึ่งที่ชาร์ลส์ โคเครลล์ ปู่ทวดของพวกเขาเคยทำไร่ทำกินมานานแล้ว แปลงที่ดินนี้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมาตั้งแต่ปี 1883 และจัดอยู่ในประเภทฟาร์มร้อยปีเนื่องจากเป็นเจ้าของต่อเนื่องกันมาเป็นเวลากว่าศตวรรษ ที่นี่เราพบเบลล์อยู่ท่ามกลางพี่น้อง แต่คาร์ลี วิลเลียมส์ พี่สาวคนโตเป็นผู้ที่เพิ่มมิติทางอารมณ์ให้กับผลงานของเธอที่ชื่อว่า “Seeds”

ฉันอายุแปดสิบปีแล้วที่ยังขับรถและขายพีแคนในตลาด โดยใส่พีแคนในกระสอบป่าน หลังจากขายของเสร็จแล้ว ฉันจะไปหาหมอสายตาเพื่อตรวจสุขภาพ ลำดับเหตุการณ์อาจดูธรรมดา แต่สร้างความแตกต่างที่เห็นได้ชัดซึ่งให้ความรู้สึกสำคัญ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้กำไรมากนักจากการขายพีแคน เนื่องจากภาระในการจ่ายค่าแว่นใหม่ค่อนข้างเห็นได้ชัด เมื่อฉันคุยกับผู้ช่วยที่สำนักงานหมอสายตา ฉันยอมรับว่า “ฉันต้องสารภาพว่าวันนี้ฉันไม่สบายตัวเลย” ตอนนั้นฉันกำลังพยายามหาบัตรประกันเสริมของตัวเอง

ชายน์ซึ่งทำหน้าที่ทั้งเป็นตากล้องและผู้กำกับ หลงใหลในรูปลักษณ์ของคาร์ลีเป็นอย่างมาก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาและผมสีเงินที่งอกออกมาจากหมวกของเธอ เขาเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ราวกับยืนยันว่าการมีอยู่ของเธอไม่เปลี่ยนแปลงไป

ในบางครั้ง คุณอาจมองว่าชุมชนชนบททั่วประเทศมีผู้สูงอายุและเด็กๆ อาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม มีบางครั้งที่คนหนุ่มสาวปรากฏตัวขึ้น เช่น ทำหน้าที่จัดการไฟป่าที่วางแผนไว้ แยกถั่วในทุ่ง หรือต้อนวัวที่หลงทางหลังจากมันพังรั้วเข้ามา

เมื่อกล้องหยุดโฟกัสไปที่ตัวละครชั่วขณะ ก็เหมือนกับว่าตั้งใจจะถ่ายทอดภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยภาพขาวดำ นั่นคือการที่ภาพยนตร์หยุดหายใจ เครื่องเก็บเกี่ยวฝ้ายที่เทอะทะเคลื่อนตัวเข้าหากล้อง รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรอื่นๆ ยืนนิ่งอยู่ในสนามหญ้า เพลงประกอบเรียบง่าย เป็นการใช้เสียงออกแบบที่สร้างสรรค์มากขึ้น (โดย Daniel Timmons และ Ben Kruse) มากกว่าดนตรีประกอบแบบดั้งเดิม เสียงที่ได้ยินนั้นมีความลึกซึ้งมาก ลมพัดเบาๆ พัดต้นสน และเปลือกข้าวโพดก็ส่งเสียงกรอบแกรบที่เป็นเอกลักษณ์ ในช่วงกลางเรื่อง มีฉากที่ฝ้ายถูกเก็บเกี่ยวและม้วนเป็นมัดยาวเท่ารถพ่วง พร้อมกับเสียงครวญครางต่ำๆ ที่ชวนให้นึกถึงเครื่องจักร และเสียงร้องที่สื่อถึงจิตวิญญาณ (ดนตรีประกอบต้นฉบับโดย Robert Aiki Aubrey Lowe)

ในฐานะเกษตรกรผู้ทุ่มเท ฉัน วิลลี่ เฮด จูเนียร์ ใช้เวลาทั้งวันในการเก็บเกี่ยวข้าวโพด รวบรวมข้าวโพดใส่ถัง และเลี้ยงวัว ซึ่งเป็นงานที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด ที่พยุงเข่าคู่ใจของฉันได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของฉันไปแล้ว เช่นเดียวกับหมวกฟางของฉัน แต่ท่ามกลางงานหนักที่ไม่หยุดหย่อน ฉันก็แบ่งเวลาให้กับเหลนน้อยอันเป็นที่รักของฉัน อลานี และน้องชายของเธอ เมื่อกล้องกำลังเคลื่อนตัว ฉันแสดงภาพถ่ายของแม่อย่างภาคภูมิใจ ซึ่งเธอยังคงอาศัยอยู่ที่อลานี โดยที่แม่ไม่ประทับใจและดำเนินชีวิตตามแบบของเธอเอง

ชายคนนี้มีท่าทีเป็นมิตรและตรงไปตรงมา เขาสืบทอดฟาร์มมาจากปู่ของเขา และเขาก็ยังคงผูกพันกับผืนดินแห่งนี้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเราค้นพบในภายหลังว่าเขาเป็นนักเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่แปลกอะไร เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี

ที่ทางเข้าร้าน General Dollar เฮดได้พบกับบาทหลวงที่จำได้ว่าเคยเห็นเขาในแอตแลนตา ซึ่งทั้งคู่กำลังประท้วงการจัดสรรเงินอุดหนุนสำหรับเกษตรกร การเผชิญหน้าครั้งนี้เกิดขึ้นที่ใจกลางของภาพยนตร์ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่เราได้รู้จักกับความพยายามในการเคลื่อนไหวของเฮด หลังจากนั้น เราเห็นเขาโทรศัพท์แทนเกษตรกรผิวดำและเดินทางไปยังวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงรัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดนและกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม 2023 การชม “Seeds” ทำให้เราต้องครุ่นคิดถึงชะตากรรมของนักเคลื่อนไหวเหล่านี้ภายใต้รัฐบาลทรัมป์

ฉากจากภาพยนตร์อาจจบลงด้วยความรู้สึกโกรธและหงุดหงิด แต่กลับกลายเป็นว่าเราพบเขาบนถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่น ในขอบฟ้า มีต้นสนเรียงรายกันท่ามกลางทุ่งโล่ง เขาพูดว่า “ผมมีความรู้สึกบางอย่างที่จะคาดเดาได้ว่าจะมุ่งหน้าไปที่บ้านของลูกๆ” ซึ่งแสดงถึงความภาคภูมิใจที่รู้สึกจริงใจมากกว่าความเย่อหยิ่ง “ผมรู้สึกได้ว่าวันนี้จะมาถึง” เขากล่าวต่อ ต่อมา ขณะที่เหลนชายของเขานั่งอยู่บนสนามหญ้า เขาคิดทบทวนว่า “เมื่อเราต่อสู้เพื่อผืนแผ่นดินของเรา ภาพนี้อยู่ในใจผม”

2025-02-01 10:17